หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2555

ขอประณามการกระทำของรัฐบาลลาวและกัมพูชา

ผมไม่ทราบว่าประเทศลาวและกัมพูชา คิดอย่างไรกับการกระทำในครั้งนี้ โดยปล่อยให้ นช.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีของประเทศไทยลอยนวลอยู่ในประเทศของตนเองได้อย่างเปิดเผย แถมรัฐบาลไทยภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังอนุญาตให้ข้าราชการจอมปลอมประเภทจิ้งจกเปลี่ียนสี นักการเมืองลิ่วล้อ  และพวกเหล่าสาวกเสื้อแดงทั้งหลาย เดินทางเข้าไปรดน้ำดำหัวในโอกาสวันสงกรานต์ปี 2555 ให้แก่นักโทษหนีคดีผู้นี้กันอย่างเอิกเกริก ปรากฏเป็นภาพให้เห็นในสำนักข่าวทั่วไป คนไทยเหล่านี้ช่างไม่เคารพยำเกรงต่ออาญาของแผ่นดินไทยแต่อย่างใดทั้งสิ้น หรือประเทศไทยจะไร้สิ้นซึ่งศักดิ์ศรีเสียแล้ว 




ศาลทำหน้าที่พิพากษาคดี ภายใต้พระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และได้พิจารณาแล้วว่า พ.ต.ท.ทักษิณฯ ผิดจริง แต่วันนี้ประเทศลาวและกัมพูชา กลับต้อนรับขับสู้และให้ที่พักพิงแก่ นช.ทักษิณฯ นั่นแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลลาวและกัมพูชา กำลังดูถูกและไม่เคารพต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย จึงหมายถึงการดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ของประเทศไทยด้วย เรื่องนี้ผมไม่ต้องการเขียนให้เป็นชนวนความขัดแย้งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ผู้หลักผู้ใหญ่ (ที่ยังพอมี) ในบ้านในเมือง ก็ควรที่ออกมาประณามการกระทำของรัฐบาลทั้งสองประเทศเอาไว้บ้าง บ้านพี่เมืองน้อง แต่น้องก็ต้องให้เกียรติพี่่ และพี่ก็ต้องให้เกียรติน้องเช่นกัน ถึงแม้ผมจะไม่มีตำแหน่งหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ผมเป็นเพียงแค่ราษฎรไทยตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่รักชาติ ศาสนาและพระมหากษตริย์ ผมจึงขอใช้สิทธิ์ประณามการกระทำของรัฐบาลทั้งสองประเทศ เอาไว้ดังนี้ 

"ขอประณามการกระทำของรัฐบาลลาวและกัมพูชา ที่ให้สถานที่พักพิงแก่นักโทษหนีคดีของประเทศไทย และยังจัดให้มีการต้อนรับขับสู้ อารักขาความปลอดภัยกันจนเกินความจำเป็นและผิดลักษณะ มีการอนุญาตให้จัดกิจกรรมซึ่งเป็นการกระทบกระเทือนต่อจิตใจของประชาชนคนไทยโดยส่วนใหญ่ การกระทำเช่นนี้ถือว่าไม่ให้เกียรติต่อรัฐบาลไทย และกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย เป็นการจงใจหยามเกียรติและดูหมิ่นศักดิ์ศรีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยโดยตรง จึงขอให้รัฐบาลทั้งสองประเทศพึงตระหนักและดำเนินการแก้ไขในทันที เพื่อมิตรภาพที่ดีระหว่างพวกเราทั้งสามประเทศ

การรดน้ำขอพรนักโทษหนีคดีที่ประเทศลาว
ของ ข้าราชการประเภทจิ้งจกเปลี่ยนสี
นักการเมืองลิ่วล้อ และเหล่าสาวกเสื้อแดง
ทำได้อย่างไรกัน ?
ที่มาของภาพ ไทยโพสต์ 
บล็อกนี้แปลได้หลายภาษา ท่านผู้อ่านสามารถแปลและช่วยกันส่งต่อไปให้ประเทศต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ผมรู้สึกว่าการดำเนินนโยบายด้านการต่างประเทศของไทยในยุครัฐบาลของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรและลิ่วล้อ นี้ กำลังนำพาประเทศไทยไปสู่หายนะ ด้อยค่าและศักดิ์ศรีในเวทีโลก แม้แต้เวทีอาเชี่ยนที่จะต้องเข้าร่วมในปี 2558 นี้ ก็ยังไม่รู้ว่าประเทศไทยจะยืนอยู่ตรงไหน 

ประวัติศาสตร์ในอดีตตั้งแต่ครั้งกรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา และต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ล้วนมีเรื่องราวเกี่ยวกับการรบระหว่างสยามประเทศกับประเทศลาวและเขมร อยู่เสมอ...และขณะนี้ นช.ทักษิณ ชินวัตรคนนี้แหละจะเป็นตัวชนวนก่อให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมาอีกครา  "นช.ทักษิณฯ คนนี้ มันไม่เคยรักประเทศไทยด้วยความจริงใจหรอกครับ   และในห้วงคิดคำนึงลึกๆ ของมันแล้ว การกระทำครั้งนี้ มันต้องการหยามเกียรติต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยเราโดยตรง......"


การกระทำของประเทศลาวและกัมพูชา ในครั้งนี้ ถือว่าตบหน้าและดูถูกประชาชนคนไทยส่วนใหญ่อย่างแรง แต่รัฐบาลกลับไม่มีปัญญาทำอะไร  หรือรัฐบาลจงใจไร้เดียงสา ก็ไม่อาจทราบได้ 


นี่หรือคือมิตรภาพ...


ขอให้คนไทย ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ลุกขึ้นมาได้แล้ว
อย่าให้ประเทศไทยต้องล่มสลายในมือของเรา


รัฐมนตรีของรัฐบาลไทย และ ส.ส. พรรคเพื่อไทย
พร้อมด้วยแกนนำเสื้อแดง ร่วมร้องเพลงบนเวที
ที่ลานวัฒนธรรม จ.เสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา
กับนักโทษชายหนีคดีของประเทศไทย
ทำได้อย่างไรกัน ?
ที่มาของภาพ ไทยโพสต์


************************************
จุฑาคเชน : 15 เม.ย.2555



วันเสาร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2555

เรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น..ในสังฆมณฑล

บทความนี้ ผมไม่ได้เขียนขึ้นเพื่อให้ร้ายใครทั้งสิ้น แต่ตั้งใจเขียนเพื่อเป็นบทเรียนในเชิงบริหารสำหรับผู้บริหารสถานศึกษาและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลายได้พึงตระหนัก และเพื่อเกียรติและศักดิ์ศรีของครู ตั้งใจนำมาเขียนเพื่อเป็นกรณีศึกษาต่อไป

ภาพจำลองประกอบบทความ
ที่มาของภาพ
http://www.dek-d.com/board/
view.php?id=1911287
ใบปลิวว่อนเต็มสังฆมณฑลและโรงเรียนในสังกัด
ผู้บริหารโรงเรียนคริสต์ชื่อดังขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งมีฐานะเป็นบาทหลวงฯ โดนมือดีร่อนใบปลิวเผยแพร่ไปทั่วสังฆมณฑลและโรงเรียนในสังกัด เกี่ยวกับพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศชอบผู้ชายด้วยกัน (เกย์) ของบาทหลวงท่านนี้ มีการนำเงินของโรงเรียนไป ซื้อรถ ซื้อบ้านส่วนตัว ปรนเปรอให้กับ ครูผู้ชายที่เป็นคู่ขา แอบใช้เวลาทำงานไปทำเรื่องส่วนตัวกัน ครูท่านใดรู้เรื่องความเลวร้ายของท่านมากเกินไปจะถูกบีบให้ออก ครูท่านใดยอมสยบและปิดปากก็ยังอยู่ได้ ครูในโรงเรียนแตกความสามัคคีแบ่งเป็นก๊ก เป็นเหล่า ครูเก่าที่มีประสบการณ์ทนการบริหารไม่ได้ ต้องขอลาออก ครูหนุ่มสาวที่รับมาใหม่ก็ยังไร้ประสบการณ์ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนเริ่มต่ำลง เงินและทรัพย์สินของโรงเรียนถูกคอรัปชั่น ขาดการชี้แจงแถลงไข นำไปเก็บไว้ในบัญชีส่วนตัวฯลฯ

ครูแพะ
บาทหลวงฯ กับพวก(ซึ่งไม่ทราบว่าใครบ้าง) ได้ร่วมกันวิเคราะห์สำนวน เนื้อหา และข้อความในใบปลิวที่แจกแล้ว ร่วมลงความเห็นกันว่า "ครูผู้หญิง" ท่านหนึ่งในโรงเรียนเป็นผู้เขียน จึงได้เชิญตัวคุณครูท่านนั้นเข้าไปซักถามในห้อง เมื่อบ่ายวันที่ 1 เม.ย.2555 โดยมีครูหัวหน้าวิชาการนั่งเป็นพยานอยู่ด้วย บาทหลวงฯ ผู้ซึ่งเป็นผู้บริหารบอกเธอว่า "เขากับพวกวิเคราะห์ร่วมกันแล้วลงความเห็นว่า "ครูผู้หญิงท่านนั้น" เป็นคนเขียนใบปลิว"

ครูผู้หญิงท่านนั้น ปฏิเสธว่า เธอไม่ได้เขียน และไม่เคยเห็นใบปลิวฉบับนั้นด้วยซ้ำไป หลังจากออกมาจากห้องผู้บริหาร เธอก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ เป็นทุกข์กังวล เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องเล่าลือนินทากัน..สนั่นโรงเรียน ถึงแม้จะคุยกันเพียงสามคน แต่อย่าลืมเชียวว่าความลับไม่มีในโลก ครูผู้หญิงตัวเล็กๆ ท่านนั้น "เธอกำลังถูกกล่าวหา" จากผู้บริหารและพวก แล้วคนพวกนี้มีสิทธิ์อะไร ที่จะปรักปรำและกล่าวหาว่าเธอเป็นคนทำโดยไม่มีหลักฐาน เธอจึงกลายเป็น "แพะ" ในงานนี้ไปโดยปริยาย

แนะนำให้ฟ้องหมิ่นประมาท
การกระทำของบาทหลวงฯ ท่านนี้ ผิดในข้อหาหมิ่นประมาท เป็นการกล่าวหาครูผู้หญิงท่านนั้น ต่อหน้าบุคคลที่สาม คือ ครูหัวหน้าวิชาการที่อยู่ในห้องนั้นด้วย ทำให้ครูผู้หญิงท่านนั้นเสียชื่อเสียง ซึ่งมีความผิดตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 326 ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทําความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ผมได้แนะนำครูผู้หญิงท่านนั้นว่า ให้เธอฟ้องหมิ่นประมาท เพื่อจะได้รู้ความจริงกันว่า

"ในใบปลิวนั้นเขียนว่าอะไร เป็นจริงแค่ไหน เชื่อถือได้หรือไม่"
"บาทหลวงฯ ที่อ้างว่าได้ปรึกษากับพวกแล้ว จะได้ทราบว่าคนพวกนี้มีใครกันบ้าง หรือบาทหลวงฯโกหก"
"การลงความเห็นของบาทหลวงฯ และพวก ใช้เหตุผลอะไรในการตัดสินใจว่า เธอเป็นผู้เขียน"
"แล้วทำไมต้องเลือกเธอเป็นแพะ"
"เพื่อให้วงการพระผู้ใหญ่ในสังฆมณฑล ศิษย์เก่า พ่อแม่ผู้ปกครอง ครู นักเรียน รวมทั้งคนในแวดวงสังคม จะได้รู้จักธาตุแท้ของบาทหลวงฯ คนนี้อย่างแท้จริง"
"และที่สำคัญ เพื่อเป็นตัวอย่างการต่อสู้เพื่อเกียรติและศักดิ์ศรีของครู ที่ถูกผู้บริหารรังแกอย่างไม่เป็นธรรม"

วันนี้ โรงเรียนชื่อดังแห่งนี้กินเพียงบุญเก่า บุญใหม่ไม่เคยสร้าง หากสังฆมณฑล ยังหลับหูหลับตาอยู่ คงไม่ต้องทำนายว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับโรงเรียนนี้

ผมเป็นกำลังใจให้ "เธอกล้าฟ้อง" แต่ก็ไม่รู้ว่าเธอจะตกงานหรือปล่าว

อาเมน...


*********************
ชาติชาย คเชนชล : 7 เม.ย.2555