หน้าเว็บ

วันพุธที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2558

ครูเปรียบเสมือน "ปากกา" และ "ยางลบ"


ไม่ได้เขียนบทความในบล็อกนี้มานานมาก  วันนี้พอจะปลีกเวลาจากงาน (บางอย่างที่ไร้สาระ) มาได้บ้าง ตั้งใจนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์เขียนบทความสักเรื่องเกี่ยวกับ "ครู"  เพราะใกล้จะถึงวันครูแล้ว คือ วันที่ 16 ม.ค.2558 ที่จะถึงนี้ แต่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี   


ผมนึกถึงคำพูดประโยคหนึ่ง ซึ่งเป็นความเชื่อที่แตกต่างกัน บางคนเชื่อว่า   
"เด็กที่เกิดมาเปรียบเสมือนผ้าขาว หากเราใช้ปากกาขีดเขียนอะไรลงไปบนผ้านั้น เด็กก็จะเป็นคนเช่นนั้น"

แต่บางคนก็เชื่อว่า 
"เด็กที่เกิดมาเปรียบเสมือนผ้าดำต่างหาก เกิดมามีกิเลส ตัณหา เหมือนสัตว์เดรัจฉานทั่วไป เราจะต้องหายางลบ มาลบความดำมืดให้ออกจากตัวเขา ขัดเกลาให้เขาเป็นคนดี เปรียบเสมือนเปลี่ยนจากผ้าดำให้เป็นผ้าขาวบริสุทธิ์"  

ในทัศนะส่วนตัวแล้ว ไม่ว่าใครจะเชื่ออย่างไร ล้วนมีความมุ่งหวังให้เด็กเป็นคนดีด้วยกันทั้งสิ้น

ปากกาที่ใช้เขียนลงไปในผ้าขาว
เด็กๆ ยุคเศรษฐกิจดิจิตอลนี้ มีปากกาจำนวนมากมายหลายแท่ง ที่ช่วยกันทิ่มแทงและเขียนลงไปบนตัวเด็ก ข้อมูลข่าวสารจำนวนมากมายมหาศาล ที่เด็กๆ ได้รับและได้สัมผัสทั้งทางตรงและทางอ้อม อาทิ ทีวี อินเตอร์เน็ต วิทยุออนไลน์ คลิบวิดีโอ คลิบเพลง เกมส์ แอปพลิเคชั่นต่างๆ ในโทรศัพท์มือถือ การเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข่าวสารทางเครือข่ายสังคมออนไลน์ เป็นต้น ข้อมูลทั้งหลายทั้งปวงที่เด็กๆ ได้รับ อาจทำให้เขาไม่สามารถแยกแยะออกได้ว่า "อะไรดี หรืออะไรไม่ดี" 

ยางลบที่คอยลบผ้าดำ
ตรงกันข้ามกับยางลบ ที่จะคอยลบสิ่งที่ไม่ดีออกจากตัวเด็ก ซึ่งกลไกที่เป็นยางลบในสังคมไทยปัจจุบันนี้ ก็มีอยู่จำนวนน้อยมาก สิ่งหนึ่งที่คาดหวังก็คือ "พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า" ที่จะคอยช่วยลบและชำระสิ่งที่ไม่ดีออกจากตัวและจิตใจของเด็ก  แต่ดูเหมือนกลไกนี้จะไม่ประสบผลสำเร็จ  เด็กเบื่อวัด  เด็กเบื่อการสวดมนต์  เด็กเบื่อการใส่บาตร  เด็กเบื่อการนั่งสมาธิ เด็กเบื่อการฟังเทศน์ ฟังธรรม เด็กเบื่อการเรียนวิชาศีลธรรม ฯลฯ กลไกที่สังคมคาดหวังที่จะเป็นยางลบชั้นดีอีกกลไกหนึ่ง ก็คือ "การอบรมสั่งสอนของครู"

ครู...จึงควรเป็นปากกาและยางลบไปพร้อมๆ กัน
เด็กๆ เริ่มเข้าเรียนนับตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนกระทั่งจบการศึกษาระดับปริญญาตรี นับเป็นเวลาโดยเฉลี่ยแล้ว เกือบ 20 ปีที่ต้องอยู่ในสถานศึกษา วันละ 6-8 ชั่วโมง (เว้นเสาร์-อาทิตย์ และปิดเทอม) เด็กๆทุกคนได้สัมผัสกับ  "ครู" คนแล้วคนเล่าที่มีหน้าที่อบรมสั่งสอนในแต่ละชั้นปี  ครูจึงเป็นบุคคลที่สำคัญที่จะคอยใช้ปากกาเขียนสิ่งที่ดีดีอะไรก็ได้ลงไปในตัวเด็ก และใช้ยางลบ คอยลบสิ่งที่ไม่ดีออกไปจากตัวเด็กเช่นกัน หน้าที่ที่เป็นทั้งปากกาและยางลบนี้ ครูจึงต้องทำไปพร้อมๆ กัน ครูไม่ได้ทำหน้าที่แค่สอน แต่ครูต้องทำหน้าที่อบรมบ่มนิสัยด้วย "การอบรมบ่มนิสัย" นี้เอง คือ "ยางลบชั้นดี"    

ครูเปรียบเสมือน "ปากกา" ที่คอยเขียนสิ่งดีๆ ลงในตัวเด็ก
และในคราวเดียวกัน ครูก็จะเป็น "ยางลบ" คอยลบสิ่งที่ไม่ดีออกจากตัวเด็กไปพร้อมๆ กัน 

ชะตากรรมของประเทศอยู่ในมือครู
ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา กล่าว่า 
"ไม่มีอาชีพไหนเลยที่จะวิเศษ และยิ่งใหญ่เท่าอาชีพครู
และไม่มีอาชีพไหนเลยที่จะกำหนดชะตากรรมของประเทศ เหมือนที่ครูทำได้..
ไม่มีอาชีพไหนที่จะช่วยให้อนาคตของโลก เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี
นอกจากอาชีพ "ครู"


        
ดร.อาจองฯ ท่านกล่าวถูก ครูมีความสำคัญต่อในอนาคตของชาติมาก เพราะครูอยู่กับเด็กๆ ถึง 20 ปี ซึ่งถือว่า "ครูเป็นอาชีพที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมและทัศนคติของตัวเด็กมาก"  ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะหันกลับมาให้ความสำคัญต่อวิชาชีพครูมากกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ครูต้องมีเกียรติและศักดิ์ศรีได้รับการยอมรับจากสังคม ครูจะต้องได้รับการพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา มีรายได้พอสมควรแก่ฐานะวิชาชีพ มีขวัญและกำลังใจที่ดี มีโอกาสมองเห็นความก้าวหน้าในวิชาชีพของตนเอง และมีทัศนคติที่ดีต่อวิชาชีพครู 


อย่าปล่อยให้ครูต้องไปทำงานจิปาถะที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสอนเด็ก  เช่น  งานธุรการ งานบัญชี งานจัดซื้อจัดจ้าง งานร่วมพิธีกรรมที่ไม่จำเป็น งานต้อนรับ ชงกาแฟ  ครูบางโรงเรียนถึงขั้นต้องถูห้อง ถูระเบียง ตัดหญ้า ปลูกต้นไม้ รดน้ำต้นไม้เอง เพราะไม่มีภารโรง และบ่อยครั้ง ที่ครูหลายคนต้องทิ้งเด็ก ทิ้งการสอนไปประชุมเรื่องการประเมินมาตรฐาน  การประกันคุณภาพ แล้วยังต้องกลับมาจัดทำเอกสารเพื่อโกหก อีกจำนวนมากมายจนหน้าเบื่อ  


นอกจากนั้น ครูสมัยนี้ยังต้องวุ่นวายอยู่กับการหาข้อสอบมาติวสอบ O-net , A-net เพื่อยกระดับตัวเลข ตัวสถิติ หรือตัวชี้วัดต่างๆ ตามที่ผู้บริหารตามลำดับชั้นต้องการ ครูบางคนแทบไม่ได้มีเวลาอยู่กับเด็กเลย  ยิ่งโรงเรียนขนาดเล็กๆ ที่มีครูอยู่ 4-5 คน แต่กลับมีปริมาณงานเท่ากับโรงเรียนขนาดใหญ่ที่มีครูเป็น 100 คน ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ครูทำงานแบบ "ตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน๊อต" เลย เห็นแล้วน่าสงสารครู และเป็นห่วงเด็กๆ ที่ไม่ได้เรียนหนังสือ


ในโอกาสใกล้จะถึงวันครูประจำปี พ.ศ.2558 นี้ ผมขอเป็นกำลังใจแด่คุณครูทุกท่าน  ได้ยึดมั่นตามแนวทางที่ในหลวงฯ ได้พระราชทานไว้ใน  ส.ค.ส.2558  ที่ว่า "ขอจงมีความเพียรที่บริสุทธิ์ ปัญญาที่เฉียบแหลม กำลังกายที่สมบูรณ์" เพื่อท่านทุกคนจะได้เป็นครูที่ดีของแผ่นดิน ครูที่ดีของศิษย์ และครูที่ดีของสังคม สืบไป




****************************
ชาติชาย คเชนชล : 7 ม.ค.2558