วันนี้หลายคนกำลังออกมาพูดจากันเรื่อง "ปฏิรูปประเทศไทย" ผมก็อยากเสนอสักประเด็นในเรื่อง "การลดช่วงอายุของผู้บริหารภาคราชการ" ซึ่งอาจจะทำให้ประเทศไทยดีกว่าปัจจุบันนี้ก็ได้
เหตุที่ผมเสนอก็เพราะประสบการณ์ในการรับราชการของผมนั่นเอง ตำแหน่งสำคัญๆ ในภาคราชการ ควรจะได้ผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ ไฟแรง กล้าคิด กล้าทำ กล้านำ กล้าต้าน กล้าหาญ กล้าต่อสู้ในสิ่งที่ผิด หากได้ผู้บริหารเช่นนี้แล้ว จะส่งผลให้การปฏิบัติงานในตำแหน่งนั้นๆ มีประสิทธิมากกว่านี้
แต่ในภาคราชการ ตำแหน่งที่สำคัญส่วนใหญ่ ผู้ที่ดำรงตำแหน่ง มักจะเป็นคนที่ใกล้เกษียณอายุราชการ ทำงานก็เพียงเพื่อรักษาและปกป้องตนเอง ยกการ์ดป้องกันตัวอย่างเดียว ไม่ยอมชกใคร แต่ก็ไม่ให้ใครมาชก ตัวอย่างตำแหน่งสำคัญ ที่ผมมักได้พบเห็น อาทิ
ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บัญชาการหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจ ผู้บัญชาภาคตำรวจ ผู้บังคับการตำรวจ แม่ทัพ ผู้บัญชาการกองพล หัวหน้าส่วนราชการ อธิการบดี ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา ผู้อำนวยการโรงเรียน เป็นต้น ตำแหน่งเหล่านี้ หลายคนวิ่งเต้นและพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เข้ามาอยู่ในตำแหน่งนี้ อย่างน้อยก่อนเกษียณก็ยังดี เพื่อเป็นเกียรติประวัติอันสวยงามของชีวิตรับราชการ ดังนั้น งานต่างๆ ที่ต้องรับผิดชอบและที่ได้รับมอบหมายตามตำแหน่งนั้น มันจึงเป็นอย่างที่พวกเราเห็นเห็นอยู่ทุกวันนี้แหละ ทำกันแบบขอไปที เพราะหมดไฟ ใกล้เกษียณ
ผมลองตั้งคำถามกับตัวเองและตอบแบบความรู้สึก (ไม่ไช่เชิงวิชาการ) ว่า
"ผู้ที่ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด ควรจะมีช่วงอายุเท่าใหร่ ?"
ตอบ : ผมคิดว่า น่าจะอายุระหว่าง 50-55 ปี หากผลงานดีจะได้พิจารณขึ้นดำรงตำแหน่งสำคัญสูงขึ้นในกระทรวงฯ ในช่วงอายุ 56 จนกระทั่งเกษียณ แต่ปัจจุบันกลับกัน ข้าราชการหลายคนอยากจะเกษียณในตำแหน่งผู้ว่าฯ มากกว่าที่จะอยู่ในกระทรวง เพราะระหว่างที่อยู่ในตำแหน่ง มันมีอำนาจที่หอมหวล เย้ายวนกว่า และประวัติการรับราชการก็จะดูดีหากได้เกษียณในตำแหน่งผู้ว่าฯ นี้
ผมมักจะได้ยินคำบ่นบ่อยๆ ว่า ผู้ว่าฯ เกียร์ว่าง ไม่ทำอะไรแล้ว ทำอะไรก็สักแต่ว่าทำให้ผ่านๆ ไป ไม่มุ่งมั่นพัฒนาและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง แถมผู้ว่าฯ บางคนเดินสายไปเปิดงานโน้นงานนี้ เพื่อสร้างฐานเสียงเตรียมการลงสมัครรับเลือกตั้งก็มี หลายคนบอกว่า "ตำแหน่งรอเกษียณนี้เป็นตำแหน่ง เพื่อเก็บหอมรอมริบในชีวิตราชการบั้นปลาย บางคนก็มีบ้านหลังใหญ่โต ราคาหลายล้านก็ในช่วงนี้เอง เขาบอกว่าถือการตอบแทนที่เหนื่อยยากในราชการมานาน"
เมื่อพ่อเมืองทำงานอย่างนี้แล้ว...จังหวัดจะได้รับการพัฒนาและแก้ปัญหาให้ดีขึ้นอย่างไร... หลายท่านที่อยู่ในวงการทหาร ตำรวจ วงการศึกษา หรือภาคราชการอื่นๆ ก็ลองจินตนาการดูเองว่า ในหน่วยงานของท่านมีลักษณะเป็นเช่นนี้หรือไม่
เราอยากได้คนหนุ่ม เป็นนักพัฒนา และมีไฟในการทำงาน
ผู้ว่าราชการจังหวัด ควรมีอายุระหว่าง 50-55 ปี ดังนั้น นายอำเภอ จึงควรมีอายุระหว่าง 45-50 ปี ปลัดอำเภอ ก็น่าจะ 40-45 ปี ฯลฯ
ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ควรมีอายุระหว่าง 50-55 ปี ดังนั้น แม่ทัพภาค ควรมีอายุระหว่าง 45-50 ปี ผู้บัญชาการกองพล ควรมีอายุ ระหว่าง 40-45 ปี ฯลฯ
ผู้อำนวยการสำนักเขตพื้นที่การศึกษา ควรมีอายุ 45-50 ปี ดังนั้น ผู้อำนวยการโรงเรียน ควรมีอายุ 40-45 ปี ฯลฯ
ตัวเลขอายุที่ผมหยิบยกมานี้ แค่เป็นเพียงตัวเลขสมมติ เพื่อให้มองเห็นภาพว่า การลดช่วงอายุของผู้บริหาร น่าจะเป็นวิธีการหนึ่ง ที่ประเทศชาติจะได้คนหนุ่มไฟแรง มาช่วยกันทำงาน เพื่อการแก้ไขและพัฒนาประเทศด้านต่างๆ ไม่ใช่ให้คนแก่รอเกษียณอายุมารับผิดชอบในตำแหน่งสำคัญๆ เหล่านี้
ลองดูบริษัท ห้างร้าน และภาคเอกชน ที่ประสบความสำเร็จ ในตำแหน่งผู้บริหารระดับกลางซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อน ส่วนใหญ่จะเป็นคนหนุ่มไฟแรง อายุประมาณ 30-40 ปีแทบทั้งสิ้น คงมีภาคราชการไทยนี่แหละ ที่ไม่ค่อยพัฒนาไปถึงไหน เพราะมีแต่ "คนแก่ ไฟมอด"
แต่ผมว่าเรื่อง "การลดช่วงอายุของผู้บริหารภาคราชการ" นี้ คงทำได้ยากมาก เพราะข้าราชการไทยล้วนชอบกำหนดคุณสมบัติในตำแหน่งต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์และแนวทางรับราชการของตนเองและพวกพ้อง และมักชอบอ้างถึงคนที่อ่อนกว่าตัวเองว่า "อายุยังน้อย ยังขาดประสบการณ์"
ผมว่าเรื่องนี้ ไม่ใช่ข้อเท็จจริงเสมอไป ก็ลองดูในวันนี้ ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านในเมือง นักการเมือง ทั้งในสภา นอกสภา ทั้ง ส.ส.,ส.ว. ทั้งหลาย ซึ่งล้วนแล้วอวดอ้างตนเอง ว่า "เป็นผู้อาวุโส ผ่านประสบการณ์มามาก" แล้วตอนนี้ประเทศชาติ เป็นยังไง? ที่วุ่นวายกันอยู่ขณะนี้ เป็นเพราะพวกท่าน ใช่หรือไม่...
การลดช่วงของอายุของผู้บริหารในภาคราชการ คงไม่ใช่เรื่องที่กระทำกันง่ายๆ อาจต้องวางแผนกันระยะยาว ในเรื่องการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ตั้งแต่ระบบการศึกษา ระบบการรับเข้าทำงาน ระบบการฝึกอบรม โครงสร้างของตำแหน่ง โครงสร้างของการบริหารงาน โครงสร้างของความเจริญเติบโตในหน้าที่การงาน ระบบความเป็นธรรมในโยกย้ายข้าราชการ รวมถึงระบบการบริหารจัดการหลังเกษียณ ฯลฯ คงต้องคิดกันอีกหลายยก....
แต่วันนี้ ตัวอย่างจริงที่มีให้เราเห็นแล้ว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี อายุเพียง 44 ปี นี่คือ ตัวอย่างการลดช่วงอายุของนายกรัฐมนตรี แล้วการลดช่วงของอายุของผู้บริหารในภาคราชการ จะกระทำไม่ได้เชียวหรือ..
แม้ว่ามันจะยาก...แต่เราก็ต้องเริ่มทำ...
เขียนโดย : ชาติชาย คเชนชล 11 ก.ค.2553
ที่มาของภาพ : http://hilight.kapook.com/view/31942
เขียนดีมากครับ นับเป็นนักคิดนักเขียนที่ไฟแรงคนหนึ่ง ขอเป็นกำลังใจให้ทำความดีเพื่อประเทศชาติต่อไป เป็นข้อเสนอแนะที่ดี แต่จะมีใครเอาข้อเสนอแนะไปปฏิบัติ ??
ตอบลบเขียนได้ดีมากเลยครับ ท่านกล้าที่จะแสดงความคิดเห็นแบบนี้ ขอเป็นกำลังใจ และอยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในระบบข้าราชการบ้านเราครับ ทบความนี้ตรงใจจริงๆๆ
ตอบลบ