หน้าเว็บ

วันพุธที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ประเทศเป็นหนี้ 7,700 ล้านบาทเพื่อกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี (เสื้อแดง)

ผมไม่นึกเลยว่า รัฐบาลจะกล้ากระทำเยี่ยงนี้ได้  นำเงินกู้จำนวน  7,700 ล้านบาท มาแจกเป็นเงินกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ทั่วประเทศ 77 จังหวัด เฉลี่ยจังหวัดละ 100 ล้านบาท

คณะรัฐมนตรีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีมติ เมื่อ 31 มกราคม 2555 เห็นชอบจัดตั้ง "กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ" และมีการประกาศบังคับใช้ในราชกิจจานุเบกษาตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2555 เป็น "ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี พ.ศ.2555"

ก่อนหน้านี้ เครือข่ายสตรี องค์กรด้านการพัฒนาสตรี หน่วยงานที่ทำงานด้านสตรี  ตลอดจนประธานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย(นายคณิต ณ นคร) ได้พยายามนำเสนอข้อคิดเห็นที่แตกต่าง เพื่อขอให้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดตั้งกองทุนดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่สุ่มเสี่ยงต่อการเพิ่มภาระหนี้สินให้กับประเทศและประชาชน

สรุปความเห็นที่น่าสนใจจากองค์กร หน่วยงาน และประชาชนที่เกี่ยวข้องทั้งโดยทางตรงและทางอ้อมกับเงินกองทุน 7,700 ล้านบาท ซึ่งท่านบรรณาธิการเว็บไซต์ไทยโพสต์ออนไลน์ เขียนเอาไว้เมื่อ 27 ก.พ.2555 ได้แก่
  1. การดำเนินนโยบายใดๆ ของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณจำนวนมาก พึงตราเป็นพระราชบัญญัติ ไม่สมควรกำหนดเป็นเพียงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
  2. ที่มาของเงินที่ตั้งเป็นกองทุนส่วนหนึ่งจะมาจากการกู้ยืม จึงเป็นเพิ่มภาระหนี้สินอย่างไม่จำเป็น เพราะในขณะนี้มีช่องทางขององค์กรและสถาบันการเงินจำนวนมากที่สามารถจัดให้ผู้หญิงที่มีความยากลำบากในพื้นที่ต่างๆ ได้กู้ยืมเงินอยู่หลายช่องทางอยู่แล้ว
  3. ลักษณะการตั้งกองทุนและการบริหารกองทุนพัฒนาสตรีนี้ มีแบบอย่างจากกองทุนหมู่บ้าน ซึ่งปรากฏการสำรวจและวิจัยผลงานวิชาการหลายแห่งว่าประสบความสำเร็จเพียง 10% ในขณะที่เป็นการสร้างหนี้ให้กับประชาชนมากกว่า
  4. การจัดสรรกองทุนไม่ได้เป็นไปตามนโยบายบริหารราชการแผ่นดินว่าด้วยเรื่องการพัฒนาบทบาทสตรีที่รัฐบาลได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2554 ที่ระบุว่า..สนับสนุนบทบาทของสตรีไทยในการมีส่วนร่วมพัฒนาประเทศ ปกป้องสิทธิสตรี
  5. กระบวนการของการจัดการบริหารกองทุนไม่มีความชัดเจน แทนที่จะเป็นไปตามหลักการ "ทั่วถึงและเท่าเทียม" แต่กลับสร้างช่องว่างให้ผลประโยชน์ตกอยู่กับสตรีเฉพาะกลุ่มที่มาขึ้นทะเบียนเป็นสมาชิกกองทุนเท่านั้น
  6. กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีถือเป็นนโยบายสาธารณะตามที่รัฐบาลได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา แต่ภาคประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเครือข่ายองค์กรสตรีและกลุ่มสตรีทั่วประเทศ กลับไม่มีส่วนร่วมในกระบวนการจัดทำนโยบายนี้ รวมถึงการดำเนินการจัดตั้งกองทุนดังกล่าว
ชัดเจน ทั้ง 6 ข้อครับ แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ฯ ไม่ฟังหรอกครับ เพราะนี่คือการสร้างกลุ่มฐานเสียงใหม่ของพรรคเพื่อไทย แค่วัตถุประสงค์ข้อแรกของกองทุนที่ชัดเจนมากๆ ก็คือ "เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนดอกเบี้ยต่ำสำหรับการลงทุน การพัฒนาอาชีพ การสร้างโอกาสในการทำงาน และสร้างรายได้" ส่วนข้ออื่นๆ ก็เขียนไว้ประดับให้ดูดีเท่านั้น หากพวกเราตามไม่ทันแล้ว กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีนี้ อาจจะเป็นแหล่งสะสมการโกงกิน และคอรัปชั่นเชิงนโยบาย  เป็นการลงทุนทางการเมืองของรัฐบาลเพื่อคะแนนเสียงของตนเอง โดยไม่ต้องลงทุนควักกระเป๋าตัวเองแม้แต่บาทเดียว และที่น่าเสียใจคือ ส่งเสริมการสั่งสมหนี้สินให้ประชาชน มากกว่าการสนับสนุนให้เรียนรู้พึ่งพาตนเองแบบพอเพียง

กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัด จังหวัดละ 100 ล้านบาทนี้ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยเลยครับ  หากรัฐบาลลองมองแบบใจกว้างๆ แบ่งย่อยออกมาตั้งเป็นกองทุนพัฒนาเด็กและเยาวชนของจังหวัด กองทุนพัฒนากีฬาของจังหวัด กองทุนพัฒนาการศึกษาของจังหวัดบ้าง สักกองทุนละ 20-30 ล้าน ผมว่าเงินก้อนนี้น่าจะมีประโยชน์มากขึ้นกว่าเดิม

พรรคเพื่อไทย ทำไมถึงชนะการเลือกตั้งทุกครั้ง ก็เพราะวิธีการสกปรกอย่างนี้เองคือ "นำเงินหลวงมาหาเสียงผ่านทางนโยบาย โดยไม่ต้องควักเงินของตัวเอง"  อย่างนี้เขาเรียกว่า "ไร้ยางอาย" เงินจำนวน 7,700 ล้านบาท เป็นหนี้ของคนไทยทุกคนต้องช่วยกันแบกรับภาระ แต่ดันกลับเอาไปให้กลุ่มสตรีเพียงไม่กี่คนใช้จ่ายและบริหาร เพราะข้อจำกัดที่ไม่เป็นสาธารณะก็คือ สตรีที่จะใช้ประโยชน์จากกองทุนนี้ต้องสมัครเป็นสมาชิกของกองทุน แสดงว่ามันไม่ใช่เพื่อสตรีทุกคนในประเทศไทย แต่เพื่อสตรีที่ต้องมาสมัครเป็นสมาชิก เพื่อแสดงตัวตนเป็นกลุ่มเป็นพรรคพวกของตัวเอง แล้วอย่างนี้จะยุติธรรมหรือ

หลายคนมองเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นแล้ว หลังจากที่มีการเปิดรับสมัครสมาชิกกองทุน
กองทุนนี้ แท้จริงแล้วคือ "กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี (เสื้อแดง)"
เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณที่เป็นฐานเสียงสนับสนุนพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด

แล้วทำไม? ต้องให้ประชาชนคนไทยทุกคน
แบกรับภาระหนี้เงิน 7,700 ล้านบาทนี้
ให้พวกท่าน....เอาไปปรนเปรอพรรคพวกท่านกันเอง

***********************
จุฑาคเชน : 29 ก.พ.2555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น