คณะรัฐมนตรีในสมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีมติเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ.2553 เห็นชอบการถวายพระราชสมัญญา "พระผู้ทรงเป็นครูแห่งแผ่นดิน" เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม พ.ศ.2554 และเพื่อความเป็นสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคลแก่พสกนิกรชาวไทยสืบไปตลอดกาลนาน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมแก่ปวงชนชาวไทย ทรงปฎิบัติพระราชการณียกิจด้วยพระวิริยะอุตสาหะ นำความเจริญมาสู่ประเทศชาติและประชาชนอย่างไพศาล โดยเฉพาะพระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาการศึกษาของประเทศไทยซึ่งพระองค์สนพระราชหฤทัยเป็นพิเศษ ส่งผลให้การพัฒนาการศึกษาของชาติ มีความก้าวหน้าแผ่ขยายครอบคลุมทั้งในเมืองและชนบทอย่างทั่วถึง
ในรัชสมัยของพระองค์ การศึกษาของไทยพัฒนาก้าวหน้าครอบคลุมทั้งการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย ซึ่งเป็นคุณประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทย และการศึกษาไทย ที่สำคัญยิ่งในประวัติศาสตร์การพัฒนาของประเทศไทย
การศึกษาในระบบ
พระราชกรณียกิจในส่วนเกี่ยวกับการศึกษาในระบบ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งโรงเรียนจิตรลดาขึ้นสำหรับพระราชโอรส พระราชธิดา บุตรข้าราชบริพารในพระราชวัง ตลอดจนเปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปได้เข้าศึกษาด้วย ต่อมาเมื่อเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรบริเวณชายแดนทุรกันดาร ทำให้ทรงทราบถึงปัญหาการขาดแคลนสถานศึกษาของเด็กและเยาวชน จึงมีพระราชดำริให้จัดสร้างโรงเรียนให้แก่เด็กและเยาวชนที่ขาดโอกาสทางการศึกษา นอกจากนี้ยังมีโรงเรียนที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชประสงค์ พระราชดำริ และที่ทรงรับไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยพระราชทานพระราชทรัพย์ช่วยเหลือ ทรงอุปถัมภ์ หรือทรงให้คำแนะนำ อาทิ โรงเรียนจิตรลดา โรงเรียนราชวินิต โรงเรียนสงเคราะห์เด็กยากจนในพระบรมราชานุเคราะห์ กลุ่มโรงเรียนร่มเกล้า โรงเรียนเจ้าพ่อหลวงอุปภัมถ์ โรงเรียนไกลกังวล โรงเรียน ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์ และโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ รวมทั้งกลุ่มโรงเรียนที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ
การศึกษานอกระบบ
มีพระราชดำริให้จัดตั้งโครงการพระดาบสขึ้น ด้วยความห่วงใยต่อพสกนิกรที่ต้องการแสวงหาความรู้แต่ขาดโอกาสในการศึกษาเรียนรู้ ให้ได้ศึกษาวิชาชีพแขนงต่างๆ เพื่อให้ผู้ผ่านหลักสูตร สามารถออกไปประกอบอาชีพได้ตามแนวพระราชดำริ
การศึกษาตามอัธยาศัย
ได้พระราชทานความรู้แก่ประชาชนผ่านศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่ทรงจัดตั้งขึ้น เพื่อเป็นแหล่งรวมสรรพวิชา วิชาการ การค้นคว้าทดลอง และการสาธิตด้านเกษตรกรรมเพื่อเผยแพร่ความรู้สำหรับการนำไปสู่การปฏิบัติจริงของเกษตรกร
การส่งเสริมการศึกษาด้านต่างๆ
นอกจากนี้ ได้ทรงริเริ่มโครงการที่ส่งเสริมการศึกษาและการจัดตั้งทุนการศึกษา โดยทรงสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จัดตั้งกองทุนต่างๆ เพื่อส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาของชาติ อาทิ ทุนมูลนิธิ "อานันทมหิดล" ทุนเล่าเรียนหลวง ทุนพระราชทานแก่นักเรียนชาวเขา ทุนปริญญาเอกกาญจนาภิเษก โครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน และในปีฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ได้มีการจัดการศึกษาระดับมัธยมศึกษาด้วยระบบทางไกลผ่านดาวเทียม เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับนักเรียนในส่วนภูมิภาคหรือชนบทห่างไกลได้มีโอกาสรับประสบการณ์ การเรียนรู้ที่มีคุณภาพไม่ด้อยกว่าโรงเรียนที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเเกล้าล้นกระหม่อมอย่างหาที่สุดมิได้
ที่สำคัญทรงเป็นแบบอย่างแห่งความเป็นครูที่แท้ ทรงประพฤติพระองค์เป็นแนวทางอันผู้เป็นครูทั้งหลายควรได้ยึดถือและดำเนินรอยตามเบื้องพระยุคลบาท เหนือสิ่งอื่นใด ได้พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์พร้อมขวัญและกำลังใจนานัปประการแก่ครูและบุคลากรทางการศึกษาเสมอมา
พระผู้ทรงเป็นครูแห่งแผ่นดิน
ผลแห่งพระบรมปรีชาญาณและพระมหากรุณาธิคุณเป็นที่ประจักษ์แจ้งและยกย่องกันอยู่ทั่วไป กระทรวงศึกษาธิการจึงเห็นสมควรถวายพระราชสมัญญา "พระผู้ทรงเป็นครูแห่งแผ่นดิน" แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม พุทธศักราช 2554
ที่มาข้อมูล
- ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๑๒๘ ตอนพิเศษ ๑ ง วันที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๔ หน้า ๒ และ ๓
ดูที่พ่อทำ จำที่พ่อสอน คิดได้ ทำได้ เจริญก้าวหน้าแน่นอน
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบ