ผมได้ฟังคำแถลงการณ์ถึงการดำเนินมาตรการของรัฐบาลในโครงการรับจำนำข้าว ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการณ์นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 10.45 น. ที่ผ่านมา ณ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เมืองทองธานี ถนนแจ้งวัฒนะ จังหวัดนนทบุรี ผ่านทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย แล้ว สะท้อนให้เห็นถึงนิสัย และสันดานของตระกูลชินวัตรนี้จริงๆ ทั้งดันทุรัง โกหกประชาชน พูดเรื่องเท็จ ไม่ยอมรับผิด โยนความผิดไปให้คนอื่น ทั้งๆ ที่ความผิดเกิดจากการกระทำของตนเองและพรรคพวก คำแถลงการณ์ฯ ดังกล่าว ผมฟังแล้ว พอสรุปได้ คือ
- โกหกประชาชน : รัฐบาลยังยืนยันว่าโครงการจำนำข้าวเป็นโครงการที่ดี ได้รับความนิยมและประสบความสำเร็จ ทั้งๆ ที่โครงการล้มเหลว ขาดทุน มีการทุจริตคอรัปชั่นอย่างมโหฬาร ข้าวขายไม่ได้ โกหกเรื่องวิธีการขายข้าว ติดหนี้ชาวนากว่า 1 แสนล้านบาท สร้างภาระการขาดทุนให้ประเทศชาติจำนวนกว่า 4 แสนล้านบาท
- อ้างการเมืองเป็นสาเหตุ : รัฐบาลโยนความผิดว่า โครงการจำนำข้าวที่มีปัญหาติดเงินชาวนาอยู่นี้ เป็นเกมส์การเมืองของพวกฝ่ายต่อต้านรัฐบาล จ้องบ่อนทำลายประเทศชาติ และกำลังเอาชาวนาเป็นตัวประกัน พร้อมที่จะใช้ทุกช่องโหว่เพื่อทำลายนโยบายที่ประชาชนได้ประโยชน์ เช่น โครงการจำนำข้าว
- สร้างความชอบธรรมให้ตนเอง ผลักภาระทางสังคมไปให้คนอื่น : รัฐบาลบอกว่าชาวนาที่ไม่ได้เงินค่าจำน้ำข้าว เพราะกลุ่มต่อต้านรัฐบาลขัดขวางการกู้เงินของรัฐบาล และผู้บริหารธนาคารขาดความเห็นใจและมีน้ำใจอย่างจริงจังต่อชาวนา
- กล่าวหาองค์กรอิสระ : รัฐบาลบอกเป็นนัยยะว่า ป.ป.ช.กล่าวหาว่ารัฐบาลทุจริตโครงการรับจำนำข้าวนั้น เป็นการเลือกปฏิบัติ ไม่เป็นธรรม ขาดหลักนิติธรรม มีความลำเอียง และวาระซ่อนเร้นทางการเมือง
- หลอกประชานิยมชาวนาซ้ำสอง : รัฐบาลแก้ปัญหาโดยขยายเวลาชำระหนี้และขยายวงเงินกู้เพิ่มเติมแก่ชาวนาที่เป็นหนี้ ธ.ก.ส. แต่บ่ายเบี่ยงไม่ยอมบอกว่าจะจ่ายเงินที่ติดหนี้ชาวนาไว้กว่า 1.3 แสนล้านบาท ให้แก่ชาวนาได้เมื่อใด
- รัฐบาลดูถูกประชาชน : ประชาชนจำนวนมากที่รู้ข้อเท็จจริง รู้สึกได้ว่ารัฐบาลกำลังดูถูกความรู้และสติปัญญาของพวกเขา ส่งผลให้พวกเขาเกิดความเกลียดชังต่อรัฐบาลมากยิ่งขึ้น
คำแถลงการณ์ฯ นี้ ไม่ควรเกิดขึ้นจากปากของผู้นำรัฐบาลไทย มันจะเป็นตัวอย่างและบรรทัดฐานที่ไม่ดีให้แก่สังคมไทย ผู้บริหาร ผู้นำ จะแถลงข้อความใดๆ ไม่ควรโกหก บิดเบือนข้อเท็จจริง การแถลงการณ์ต้องมีความน่าเชื่อถือได้ ไม่ใส่ร้ายผู้อื่น แล้วสร้างความชอบธรรมให้ตนเอง ที่สำคัญการแถลงการณ์นี้ก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคมมากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม ยุยงส่งเสริมให้เกิดความรุนแรงขึ้นในสังคม
คำแถลงการณ์ถึงการดำเนินมาตรการของรัฐบาลในโครงการรับจำนำข้าว ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการณ์นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2557
"เรียนพี่น้องชาวนาและพี่น้องชาวไทยที่รักยิ่ง
วันนี้ดิฉันในฐานะหัวหน้ารัฐบาลขอโอกาสพี่น้องชาวนาและประชาชนคนไทยทุกคนเพื่อจะได้มาพูดจาปราศรัยกับท่านเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ที่ปัจจุบันมีข้อสงสัยหลายประการ
ก่อนอื่นดิฉันขอยืนยันถึงเจตนารมณ์และวัตถุประสงค์ที่ดีของรัฐบาลต่อโครงการรับจำนำข้าว ดิฉันเชื่อมั่นตั้งแต่เมื่อพรรคเพื่อไทยได้นำเสนอโครงการนี้ และพี่น้องประชาชนได้ให้ความไว้วางใจพรรคและตัวดิฉัน ว่าโครงการจะยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตเพื่อสร้างความมั่งคั่ง มั่นคง และยั่งยืนให้กับชาวนาไทยทุกคน
ในอดีตชาวนาที่ถึงแม้จะเป็นกระดูกสันหลังของชาติ และเมื่อคนไทยทุกคนกินข้าว จึงย่อมต้องสำนึกในบุญคุณของชาวนา แต่ก็น่าเศร้าที่ว่า ถึงแม้ข้าวทุกเมล็ดทำให้เราเติบใหญ่ แต่ชาวนากลับถูกเอารัดเอาเปรียบถูกกดขี่ข่มเหง ต้องทนตรากตรำหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินมาโดยตลอด
ช่วงเวลาสองปีที่ผ่านมา โครงการจำนำข้าวของรัฐบาลก็ประสบความสำเร็จ บรรลุเป้าหมาย ชาวนามีรายได้เพิ่ม ทั้งยังเป็นพื้นฐานที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจรากหญ้า และการเติบโตของระบบเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม
สำหรับการจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อดำเนินโครงการนั้น มีความชัดเจนถึงที่มาของแหล่งเงินทุนหมุนเวียนสำหรับโครงการ แน่นอนที่สุด
ประการแรกคือ รายได้จากการระบายข้าวในตลาด ซึ่งมีกระทรวงพาณิชย์เป็นเจ้าภาพหลัก และประการที่สองคือ เงินจากการบริหารจัดการของกระทรวงการคลัง ซึ่งมีตามกลไกปกติของกระทรวงที่จะจัดเงินมาสนับสนุน รวมถึงอนุมัติให้ ธ.ก.ส. กู้เงินเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับโครงการรับจำนำข้าวจากสถาบันการเงินต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนภายในวงเงินที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ประชาชนเห็นถึงผลที่ชัดเจน เงินตกถึงมือเกษตรกรตัวจริง โครงการจึงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสร้างความภาคภูมิใจให้กับทุกคนที่เกี่ยวข้อง
พี่น้องชาวนาและพี่น้องชาวไทยที่รักยิ่ง
เป็นที่น่าเสียดายว่าความฝัน ความหวังที่จะลืมตาอ้าปากของชาวนาไทย กำลังโดนเกมการเมือง สร้างกระบวนการบ่อนทำลายอันรวดเร็วจนจะหมดสิ้นลงในไม่ช้า ดิฉันมีความเสียใจและต้องขอโทษ พี่น้องชาวนา ที่เหตุการณ์เอาชาวนาเป็น ตัวประกันของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลทำให้รัฐบาลไม่สามารถดำเนินโครงการได้ด้วยความราบรื่นอย่างที่ปรากฏเป็นข่าวอยู่ในปัจจุบัน แต่ไม่ว่าจะมีอุปสรรคขวากหนามมากเพียงใด ดิฉันก็จะไม่ย่อท้อ และยืนหยัดต่อสู้เพื่อพี่น้องชาวนาต่อไป
เกมการเมืองที่ดิฉันกล่าวถึง มาจากกลุ่มที่ต่อต้านรัฐบาลมีแนวทางที่จะล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และตั้งรัฐบาลที่ไม่เป็นประชาธิปไตยให้เกิดขึ้น ดิฉันเข้าใจว่าความคิดที่เห็นต่างนั้นมีได้ และการชุมนุมประท้วงเป็นสิทธิเสรีภาพของทุกคน แต่เมื่อดิฉันได้ยุบสภาคืนอำนาจให้กับประชาชนแล้ว ทุกฝ่ายก็ควรที่จะมุ่งหน้าสู่การเลือกตั้ง และให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินว่าเขาต้องการนโยบายใด และให้ผู้ใดเป็นผู้บริหารประเทศ แต่กลุ่มต่อต้านรัฐบาลไม่ยอมดำเนินการตามกติกาที่เป็นสากล ไม่เข้าสู่การเลือกตั้ง และยังคงดำเนินยุทธวิธีที่จะทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาล โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายต่อประเทศชาติโดยรวม และยังพร้อมที่จะใช้ทุกช่องโหว่เพื่อทำลายนโยบายที่ประชาชนได้ประโยชน์ อย่างเช่น โครงการจำนำข้าว
ขณะนี้ การบ่อนทำลายโครงการจำนำข้าวไปถึงขั้นการสกัดกั้นที่จะไม่ให้รัฐบาลจ่ายเงินค่าข้าวให้กับชาวนา การขัดขวางทำกันอย่างเป็นกระบวนการ เพื่อให้การจัดหาแหล่งเงินทุนหมุนเวียนสำหรับโครงการรับจำนำข้าวจะต้องสะดุดหยุดลง หรือชะลอการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่มีเหตุอันควรทั้งในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ซึ่งในความเป็นจริงหากทุกฝ่ายมีความจริงใจที่จะแก้ไขปัญหา หากทุกธนาคารและผู้บริหารจะเห็นใจและมีน้ำใจต่อชาวนาไทย เข้าใจถึงความเดือดเนื้อร้อนใจ การบริหารการเงินของรัฐบาลก็จะเดินหน้าได้ ดิฉันยืนยันว่าเงินทุกบาทรัฐบาลรับผิดชอบอยู่แล้ว เงินของธนาคารก็มีหลักประกันตามกฎหมาย จึงไม่มีใครสามารถนำเงินฝากของทางธนาคารไปใช้ในทางที่ผิด
นอกจากนี้ ในปัจจุบันสถาบันการเงินมีสถานะที่มั่นคง และที่สำคัญสภาพคล่องในระบบการเงินการธนาคารนั้นมีสูงมาก ดังนั้น ทางธนาคารสามารถดำเนินการปล่อยกู้ตามขั้นตอนเพื่อช่วยเหลือชาวนา โดย ไม่ทำให้ทางธนาคารมีความเสี่ยงมากจนไม่สามารถบริหารจัดการได้
การดำเนินการในครั้งนี้ ก็ไม่เหมือนในอดีตที่การบริหารการเงินผิดพลาดทำให้สถาบันการเงินต้องปิดตัวลง และการบริหารงบประมาณของโครงการเป็นไปตามหลักวินัยการเงินการคลังมาอย่างต่อเนื่อง ธนาคาร ผู้บริหาร และพนักงานสมาชิกสหภาพซึ่งเป็นธนาคารของรัฐจึงไม่มีอะไรต้องหวาดกลัว ทุกขั้นตอนมีกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีรองรับอยู่อย่างถูกต้อง
มีกระบวนการกล่าวหาและตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายของการบริหารโครงการรับจำนำข้าว ทั้งโจมตีทางการเมืองและกฎหมายว่า โครงการรับจำนำข้าวมีการทุจริตคอรัปชั่นที่เป็นระบบระดับนโยบาย ซึ่งดิฉันขอยืนยันว่าในระดับนโยบายไม่มีการสร้างวิธีที่จะโกงเงินดังที่ถูกกล่าวหา และในระดับปฏิบัติหากมีการรั่วไหล ดิฉันก็ต้องการเห็นการตรวจสอบที่เข้มงวด และยินดีในกระบวนการตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) โดยไม่เลือกปฏิบัติและมีความเสมอภาคภายใต้หลักนิติธรรมโดยไม่มีความลำเอียงหรือวาระทางการเมืองที่ซ้อนเร้น เพราะหากเป็นเช่นนั้นแล้ว นอกจากโครงการดี ๆ จะถูกทำลาย ความน่าเชื่อถือของระบบและกระบวนการตรวจสอบก็จะสูญศรัทธาไปด้วย
พี่น้องชาวนาและพี่น้องประชาชนที่รักยิ่ง
ระหว่างที่พี่น้องชาวนารอการเบิกจ่ายเงินนั้นรัฐบาลตระหนักถึงความยากลำบากจึงได้กำหนดมาตรการเยียวยาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเท่าที่จำเป็นของปัญหาที่เกิดขึ้น โดยทาง ธ.ก.ส จะขยายเวลาการชำระหนี้ ออกไปเป็นระยะเวลา 6 เดือน
นอกจากนี้ เพื่อให้พี่น้องได้เข้าถึงเงินกู้เพื่อนำไปใช้ในเตรียมการผลิตในฤดูกาลต่อไปที่กำลังจะมาถึง ธ.ก.ส. จะขยายวงเงินให้ลูกค้ารายปัจจุบัน โดยสามารถใช้หลักค้ำประกันที่ได้วางไว้กับ ธ.ก.ส. โดยมาตรการนี้ครอบคลุมถึงชาวนาที่ไม่ได้เป็นลูกค้าของทาง ธ.ก.ส. ด้วย โดยพี่น้องชาวนาสามารถสมัครเป็นสมาชิกและยื่นความจำนงที่ ธ.ก.ส. สาขาใกล้บ้าน สำหรับชาวนาที่อยู่ภายใต้สถาบันเกษตรและสหกรณ์สามารถขอเงินกู้จากสหกรณ์ได้เช่นกัน
สุดท้ายนี้ ดิฉันในฐานะหัวหน้ารัฐบาลขอยืนยันอีกครั้งว่า รัฐบาลจะปกป้องรักษาผลประโยชน์ของพี่น้องชาวนาและพี่น้องประชาชนทุกคน ดิฉันจะไม่ยอมให้เกมการเมืองมาเอารัดเอาเปรียบเอาพี่น้องเป็นตัวประกัน ดิฉันขอความร่วมมือและความเห็นใจของทุกฝ่ายต่อความทุกข์ยากของพี่น้องชาวนา ทุกหยาดเหงื่อของพวกเขา มีค่ามากต่อวิถีชีวิตของคนไทยทุกคน เราจะต้องไม่ปล่อยให้กระดูกสันหลังของชาติพิกลพิการ ชาวนาไทยจะต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีรายได้ และมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกับคนไทยทุกคน ขอบคุณค่ะ"
ป.ป.ช.ยืนยัน เรื่องทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว
นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกป.ป.ช. แถลงเมื่อบ่ายวันที่ 18 ก.พ.2557 (วันเดียวกันกับการแถลงการณ์) ว่า กรรมการ ป.ป.ช. มีมติเรียก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) มารับทราบข้อกล่าวต่อกรณีที่มีผู้ร้องว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ละเลยการระงับความเสียหายและปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าวแก่ทางราชการ ในวันที่ 27 ก.พ. เวลา 14.00 น.
"มีพยานเอกสารและพยานบุคคลยืนยันได้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ฯ ได้รับทราบถึงผลการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวที่ส่อว่า มีปัญหาและเกิดการทุจริต ทั้งจาก ป.ป.ช.,อนุกรรมการปิดบัญชีข้าวเปลือก ที่ได้รายงานว่า พบความเสียหายเป็นมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท, จากการอภิปรายในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร และจากหนังสือของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ที่ขอให้ทบทวนและยุติโครงการ เพราะมีปัญหาการทุจริตแล้ว และการเรียกร้องทวงเงินค่าจำนำข้าวจากชาวนา แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ฯ ไม่ได้สั่งยุติโครงการเพื่อระงับความเสียหายตามอำนาจที่มีในพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน มาตรา 11(10) อีกทั้ง ยังยืนยันว่าจะเดินหน้าต่อไป ซึ่งถือเป็นการแสดงเจตนาของการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157"
...การไต่สวนคดีดังกล่าวนั้นเป็นไปอย่างสุจริต ไม่มีการลำเอียง หรือเลือกปฏิบัติอย่างที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ตั้งข้อสังเกตและแถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจไปเมื่อวันที่ 18 ก.พ. และยืนยันได้ด้วยว่า การดำเนินการตรวจสอบได้ทำอย่างรอบคอบ" ( ที่มา คม ชัด ลึก)
อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และ ผอ.ช่อง 11 ทำได้อย่างไร?
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวไว้ว่า "กรณีคำแถลงของนายกรัฐมนตรีผ่านโทรทัศน์ร่วมการเฉพาะกิจฯ เมื่อวานที่ผ่านมาว่า อาจมีปัญหาขัดต่อ พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว.ทั้งในเรื่องการใช้สื่อวิทยุโทรทัศน์หาเสียง สัญญาว่าให้ สื่อของรัฐ และเจ้าหน้าที่ของรัฐวางตัวไม่เป็นกลาง และเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 181 เรื่องการใช้ทรัพยากรของรัฐในการหาเสียง จึงเกรงว่าปัญหาดังกล่าวจะเป็นประเด็นการเมือง ซึ่งอยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องระมัดระวังในเรื่องดังกล่าวด้วย และในสัปดาห์หน้า กกต.จะเชิญอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และ ผอ.ช่อง 11 มาพบ เพื่อซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการทำหน้าที่สื่อของรัฐในช่วงการเลือกตั้ง การนัดครั้งนี้เป็นการนัดครั้งที่ 3 หากยังไม่มา กกต.คงต้องมีมติอย่างใดอย่างหนึ่ง" (ที่มา : ASTVผู้จัดการ)
หลังจากเสร็จสิ้นการแถลงการณ์ฯ ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร...
เหมือนเป็นสัญญาณให้กำลังตำรวจ (ภายใต้การสั่งการของ ศูนย์รักษาความสงบ) เข้าดำเนินสลายการชุมนุมของมวลมหาประชาชน ณ บริเวณสะพานผ่านฟ้า ในทันที จนมีคนไทยด้วยกันเองบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก..
เลือดนองแผ่นดินอีกครา..บนถนนราชดำเนิน
นี่คือ "คำแถลงการณ์เลือดของตระกูลชิน"