หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2562

นั่งรถไฟไปมาเลเซีย ตอนที่ 3 ลังกาวี : อัญมณีแห่งไทรบุรี

ต่อจากตอนที่ 2 หาดใหญ่-ตำมะลัง

วันพฤหัสบดีที่ 27 ธ.ค.2562 พวกเราเดินทางถึงด้วยเรือเฟอรี่ถึงท่าเรือ Terminal Feri Penumpang Kuah เมืองกัวห์ เกาะลังกาวี รัฐเกอดะฮ์ (ไทรบุรี) ประเทศมาเลเซีย ประมาณ 10.30 น. กว่าจะผ่านกรรมวิธีตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อย ก็ล่วงเข้าไปเกือบ 11.00 น. ที่มาเลเซียนี้ เวลาเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง ผมเลยหมุนนาฬิกาใหม่ เป็น 12.00 น.


ท่าเรือ Penumpang เป็นท่าเรือสำหรับเรือที่เดินทางมา ทั้งจากต่างประเทศ และภายในประเทศ  อย่างพวกเรามาจากประเทศไทยต้องเข้าเทียบท่าเรือสำหรับต่างประเทศ เพื่อผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเสียก่อน

สตูล-ลังกาวี
ชื่อของเกาะลังกาวี คำว่า "ลัง" ย่อมาจากคำว่า "ฮลัง" ที่แปลว่า "นกอินทรีสีน้ำตาลแดง" ส่วนนาม "ลังกาวี อัญมณีแห่งไทรบุรี" ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านอับดุล ฮาลิม อันเป็นส่วนหนึ่งในพระราชพิธีกาญจนาภิเษกส่วนพระองค์ โดยตั้งนามเพื่อสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวว่า "ลังกาวีเป็นส่วนหนึ่งของรัฐไทรบุรี" 


ด้านหลังที่เห็นคือ รูปปั้นนกอินทรีย์สีน้ำตาลแดง
สัญลักษณ์ของเกาะลังกาวี ที่สร้างไว้บริเวณท่าเรือ
เสียดาย ไม่ได้เข้าไปถ่ายรูปใกล้ๆ

อินทรีย์น้ำตาลแดง บริเวณ Eagle square

ลังกาวีก็คล้ายเกาะภูเก็ตบ้านเรานี่เอง แต่ทางวัตถุเจริญน้อยกว่า ส่วนทรัพยากรธรรมชาติน่าจะสมบูรณ์กว่าเรา  วิถีชีวิต วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ ตึกรามบ้านช่อง ก็คล้ายกับจังหวัดทางภาคใต้ของเราโดยทั่วไป แถมอากาศจะค่อนข้างร้อนกว่า


พิพิธภัณฑ์มหาเธร์
หลังจากรับประทานมื้อกลางกลางวันแบบไทยๆ ที่ ร้านวันไทย เรียบร้อย พวกเราเดินทางไปเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์จัดแสดงของที่ระลึกของมหาเธร์ บิน โม ฮามัด ที่ท่านได้รับในสมัยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย คนที่ 4 (พ.ศ.2524-2546) สถานที่ตั้งพิพิธภัณฑ์นี้ ก็คือ บ้านเดิมที่ท่านเคยอาศัยอยู่นั่นเอง ตระการตามาก มีของที่ระลึกจากประเทศต่างๆ ที่มอบให้ท่าน นำมาจัดแสดงไว้อย่างเป็นระบบ ได้รับการออกแบบตกแต่งอย่างสวยงาม ชมแล้วสามารถจินตนาการผ่านของที่ระลึกต่างๆ ที่จัดแสดงไว้ แสดงให้เห็นถึงความเป็นคนเก่งของท่าน ความมีวิสัยทัศน์กว้างไกลที่สามารถนำพาประเทศมาเลเซียไปสู่ความเจริญทัดเทียมกับนานาประเทศ จนเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ


บริเวณโถงของพิพิธภัณฑ์



ภายในพิพิธภัณฑ์

ภายในพิพิธภัณฑ์
ภายในพิพิธภัณฑ์


ทางขึ้นชั้น 2


บริเวณโถงทางเดิน



ถอนคำสาบ
เหตุเพราะท่านมหาเธร์ เกิดที่ลังกาวี ท่านจึงพยายามได้พยายามสร้างเกาะลังกาวีให้เจริญและกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง หลังจากมีความเชื่อที่ว่า เมื่อ 200 ปีก่อน เกาะลังกาวีต้องคำสาปของพระนางมัสสุหรี ให้เกาะลังกาวีพบกับภัยพิบัติ ความหายนะ ความอดอยากยากแค้น ไปเจ็ดชั่วอายุคน หลังจากที่พระนางฯ ได้ถูกเจ้าเมืองลงโทษประหารชีวิต โดยกล่าวหาว่าพระนางคบชู้ ทั้งที่พระนางไม่ได้กระทำ ก่อนที่พระนางฯ จะถูกประหารชีวิต พระนางฯ ได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า หากพระนางฯ ไม่ได้กระทำผิดตามข้อกล่าวหา ขอให้เลือดของพระนางฯ ที่หลั่งออกมาเป็นสีขาว พร้อมกับให้เกาะลังกาวีเป็นไปตามคำสาปแช่งของพระนางฯ



หลังจากที่เพชรฆาตฝังกริชเข้าไปในร่างพระนางฯ ปรากฎว่าเลือดของพระนางฯ ที่หลั่งออกมาเป็น "สีขาว" จริงๆ หลังจากนั้นมาเกาะลังกาวีก็ไม่เคยมีความสันติสุขและความเจริญรุ่งเรืองบนเกาะแห่งนี้อีกเลย ต่อมาเกาะลังกาวีถูกถอนคำสาปจาก น.ส.ศิรินทรา ยายี ชาว จ.ภูเก็ต ทายาทรุ่นที่ 7 ของ พระนางมัสสุหรี หลังจากถอนคำสาปเรียบร้อย มหาเธร์ ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี ได้พัฒนาเกาะลังกาวี ให้เป็นเกาะที่ขายสินค้าปลอดภาษีแทนเกาะปีนัง โดยตั้งใจจะให้คล้ายเกาะฮ่องกง นอกจากนั้นยังเปิดความสวยงามของทรัพยากรธรรมชาติ ขุนเขา ป่าไม้ และทะเล ที่ยังคงอุดมสมบูรณ์ อวดโฉมท้าทายให้นักท่องเที่ยวได้ไปเยี่ยมชม



หลังจากมหาเธร์ พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เกาะลังกาวีก็ไม่ได้รับการพัฒนาใดๆ อีกเลย ขณะที่พวกเราเดินทางภายในเกาะ ก็ยังแลเห็นสภาพอาคารบ้านเรือน และตึกที่รกร้างอยู่ทั่วไป ธุรกิจหลายอย่างซบเซา ปัจจุบัน ชาวลังกาวีกำลังรอคอยการพัฒนาอีกครั้ง หลังจากที่ มหาเธร์ ชนะการเลือกตั้งและกลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อ 10 พ.ค.2561 ที่ผ่านมา



สุสานพระนางมัสสุหรี

พวกเราเดินทางต่อไปยัง "สุสานพระนางมัสสุหรี"  เมื่อมาลังกาวีแล้ว ทุกคนควรมายังสถานที่แห่งนี้ เพราะเป็นตำนานและความเชื่อของชาวลังกาวีทุกคน ที่นี่ คือ บ้าน และที่ฝังศพของพระนางมัสสุหรี มีการจัดแสดงวิดีทัศน์ โมเดลจำลองเหตุการณ์ และสิ่งของเครื่องใช้ของพระนาง มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งตอนที่เกาะลังกาวีแห้งแล้งตามคำสาป  แต่บ่อน้ำแห่งนี้เป็นเพียงบ่อเดียวที่มีน้ำอยู่เสมอไม่เคยเหือดแห้ง ใช้เลี้ยงชีวิตทุกคนบนลังกาวี

สุสานพระนางมัสสุหรี

บ้านของพระนางมัสสุหรี


บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์

แวะชิมช็อกโกแลต
ต่อจากนั้น พวกเราแวะที่ Chocoffee ซึ่งเป็นโรงงานผลิตช็อกโกแลตครบวงจรของลังกาวี ที่นี่เปิดโอกาสให้ได้ชิมทุกผลิตภัณฑ์  ทุกยี่ห้อ ที่ผลิตออกมา ผมชิมมากมายหลายรสชาด เลยไม่รู้ว่าชิ้นไหนอร่อยบ้าง เพราะมันผสมกลมกลืนไปหมด  แต่พวกเราก็ช่วยกันอุดหนุน ซื้อกันมาหลายกล่องพอสมควร   



เคเบิลคาร์ ไฮไลน์ลังกาวี

ใครไปลังกาวีแล้ว ต้องนั่งเคเบิลคาร์ " Langkawi SkyCab" ขึ้นจุดชมวิวบนยอดเขาคุนุงมัต-จิงจั้ง ระดับความสูง 709 เมตรจากระดับน้ำทะเล ซึ่งถือเป็นกิจกรรมไฮไลน์ของลังกาวีเลยทีเดียว ถ้ามาแล้วไม่ได้นั่ง ถือว่าพลาดโอกาสอย่างแรง ค่าตั๋วคนละ 55 RM (ริงกิตมาเลเซีย ประมาณ 430 บาท)

SkyCab เป็นกิจกรรมหนึ่งในสวนสนุก เป็นเคเบิลคาร์ที่ค่อนข้างชันกว่าที่อื่นๆ หลังจากขึ้นไปถึงยอดเขาแล้วไม่ผิดหวังครับ ได้ชมวิวแบบ 360 องศารอบเกาะลังกาวี สูดอากาศบริสุทธิ์ ภายใต้สายหมอกที่ลอยอ้อยอิ่งผ่านตัวเราไป  กับอุณหภูมิที่ค่อนข้างเย็น   

สะพานทางเข้าสวนสนุก

กิจกรรมต่างๆ ภายในสวนสนุก
ทางเข้า SkyCab เคเบิลคาร์

ตั๋วขึ้นเคเบิลคาร์



นั่งเคเบิลคาร์ขึ้นสู่ยอดเขา

ขึ้นจุดชมวิวบนยอดเขาคุนุงมัต-จิงจั้ง


จุดชมวิว 360 อวศา บนยอดเขาคุนุงมัต-จิงจั้ง




สะพานเชื่อมบนยอดเขาคุนุงมัต-จิงจั๊ง

บนจุดชมวิว
ด้านหลังคือสะพานลังกาวีสกาย (พื้นเป็นกระจก)
แต่พวกเราเดินไปไม่ถึงเกรงว่าจะมืดเสียก่อน
ชอบปิ้งตลาดกัวห์

ก่อนเข้าที่พัก พวกเราแวะชอบปิ้งกันก่อนที่ตลาดเมืองกัวห์ ซึ่งมีร้านขายสินค้าปลอดภาษีให้เลือกซื้อจำนวนหลายร้าน มีสินค้ายอดนิยมเกือบทุกชนิดให้ซื้อ อาทิ กระเป๋าเดินทาง เครื่องแก้ว ถ้วยชาม เครื่องครัว เหล้า เบียร์ บุหรี่ เสื้อผ้า และสินค้าแบรนด์เนม ฯลฯ เป็นต้น 



ผมยังไม่พลาดเลย เสียเงินช๊อป เหมือนกัน

อาหารมื้อเย็นเรารับประทานกัน ณ โรงแรมที่พัก ชื่อโรงแรม Nagoya ก่อนเข้านอน พวกเรายังชวนกันไปเดินชอปปิ้งต่อยังห้างใกล้ๆ โรงแรม อีกสักพักใหญ่ เสียเงินช๊อปอีกเล็กน้อย ไม่งั้นนอนไม่หลับ

NAGOYA INN โรงแรมที่พัก ใจกลางเมืองกัว

ชอบปิ้งก่อนนอน ห้างใกล้โรงแรม
เช้า เก็บกระเป๋าเตรียมออกเดินทางต่อไป

สำหรับท่านใด ที่หวังว่าจะใข้ WiFi ของโรงแรม เล่นเฟส เล่นไลน์ ขอบอกครับ อย่าได้หวัง เพราะระบบที่นี่แย่เอามากๆ 

************************************    
อ่านต่อตอนที่ 4 คาเมรอนไฮแลนด์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น