วันพุธที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

คำทำนายประเทศไทย

มีเพื่อนๆ Forward Mail มาให้ จึงนำมาลงในนี้เลย ขอขอบคุณเพื่อนๆ ที่ให้ข้อมูล

คำทำนายที่เคยมีช้านานนัก
เริ่มประจักษ์ให้เห็นเร้นไม่ได้
หลวงพ่อฤาษีลิงดำเคยทำนาย

เมื่อถึงปลายรัชกาลผ่านเข้ามา

ประเทศชาติจะรุ่งเรืองและเฟื่องฟุ้ง
น้ำมันผุดขึ้นมาจนเห็นค่า
พวกกาขาวจะบินรี้หนีเข้ามา
เป็นประชาจนเต็มพระนคร

ชนทั่วโลกจะยกพระองค์ท่าน
ชื่อกระฉ่อนร่อนทั่วทุกสิงขร
ออกพระนามลือชื่อดั่งทินกร
องค์อมรเอกบุรุษแห่งแผ่นดิน

ชาวประชาจะปิติยิ้มสดใส
แต่อกไหม้หนอนกินข้างในสิ้น
จะมีพวกกาฝากคอยกัดกิน
เพื่อให้ได้สิ่งถวิลสมจินตนา

จะมีการต่อตีกันกลางเมือง
ขุนนางเขื่องกังฉินกินทั่วหล้า
คอรัปชั่นจะกัดกร่อนทั้งพารา
ประดุจปลวกกินฝานั้นปะไร

ข้าราชการตงฉินถูกประนาม
สามคนหามสี่คนแห่มาลากไส้
เกิดวิกฤติผิดเพี้ยนโดยทั่วไป
โกลาหลหม่นไหม้ไร้ความดี

ประชาชีจะสับสนเรื่องดีชั่ว
ถ้วนทุกทั่วจะหมุดขุดรูหนี
ไม่แน่ใจสิ่งที่ทำนำความดี
เกรงเป็นผีตายตกไปตามกัน

พุทธศาสน์จะถูกรุกและล้ำ
มิตรเคยค้ำเป็นศัตรูมุ่งอาสัญ
เกิดวิกฤติธรรมชาติอุบาทว์ครัน
พายุลั่นน้ำถล่มดินทลาย

แผ่นดินแยกแตกเป็นสองปกครองยาก
เกิดวิบากทุกข์เข็ญระส่ำระสาย
เกิดการปราบจลาจลชนล้มตาย
เลือดเป็นสายน้ำตานองสองแผ่นดิน

ข้าเป็นนายนายเป็นข้าน่าสมเพช
ผู้มีบุญมีเดชจะสูญสิ้น
ทั้งพฤฒาอาจารย์ลือระบิล
จะร่วงรินดุจใบไม้ต้องสายลม

ความระทมจะถมทับนับเทวศ
ดั่งดวงเนตรมืดบอดสุดขื่นขม
คนที่ดีจะก้มหน้าสุดระทม
ส่วนคนชั่วหัวร่อร่าทำท่าดัง

จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาว
ควงคฑามุ่งสู่ดาวสร้างความหวัง
ผู้ปกครองจะเป็นหญิงพึงระวัง
สายน้ำหลั่งกรากเชี่ยวหวาดเสียวใจ

ศิวิไลซ์จะบังเกิดในสยาม
หลังฝนคร้ามลั่นครืนจะยืนได้
จะเข้าสู่ยุคมหาชนพาไป
เปลี่ยนเมืองใหม่ศักราชแห่งประชา

คนชั่วจะถูกปราบราบคาบสิ้น
แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา
ประเทศชาติผ่านวิกฤติด้วยศรัทธา
ยามเมื่อฟ้าศรีทองผ่องอำไพ


คำทำนายหรือจะถึงคราวสิ้นชาติ(๒๕๕๑)
โดยหลวงพ่อเจริญ วัดป่ามะม่วง(มรณภาพไปแล้ว)

คำทำนายหรือจะถึงคราวสิ้นชาติเมื่อประมาณปี 2516 มีคณะรัฐมนตรี นายทหาร นายตำรวจยศนายพัน กลุ่มหนึ่ง มาเรียนถามหลวงพ่อเจริญ วัดป่ามะม่วง ให้ท่านช่วยทำนาย ว่าพวกกระผมจะทำการปฏิวัติ การนี้จะสำเร็จหรือไม่ แล้วผมจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ความจริงท่านไม่อยากยุ่งเรื่องการเมือง แต่จะบอกให้รู้ว่าหลวงพ่อเจริญท่านตอบว่าสำเร็จ แต่จะอยู่ในตำแหน่งได้ไม่เกิน 2 เดือน หลังจากนั้น นักศึกษานักเรียน ประชาชนจะออกมาขับไล่จนคุณอยู่ไม่ได้ ไม่ดี อย่าไปทำเลยคุณเคยเห็นทะเลซุงไหม!อีก 15 ปีหลังจากนี้ (2531)ทะเลซุง จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ที่ภาคใต้ น้ำจะท่วมถึงยอดตาล วัดวาอารามจะพังพินาศ คนจะล้มตายจำนวนมากและต่อจากนั้นอีก 20 ปี(2551)แผ่นดินจะถูกแยก ต่างชาติจะเข้ามายึดแผ่นดินไทย คนไทยจะไม่มีที่อยู่ โดนขับไล่ ทุกอย่างที่กล่าวมานี้เป็นกฎแห่งกรรม จงไปบันทึกเอาไว้ ถ้าไม่จริงอาตมายอมถูกปรับท่านกล่าวอีกว่า.....อาตมาจะมรณภาพวันที่ 14 ตุลาคม2521 เวลาเที่ยง12.45 น. ด้วยอุบัติเหตุรถคว่ำคอหักตาย และท่านก็มรณภาพวันนั้นจริงๆอ่านจากหนังสือ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ของ สุทัสสา อ่อนค้อมก็ภาวนาอย่าให้หลวงพ่อเจริญท่านทำนายถูกเลย...คนไทยแย่กันแน่ๆ


เป็นที่น่าสังเกตว่าดวงชะตาของบ้านเมืองในปีนี้ล้วนเป็นปริศนา ขอให้ท่านผู้มีภูมิปัญญาเอาไปขบคิดกันเองเทอญ"ดาวพระเสาร์ยังสถิตอยู่ในราศีสิงห์ ตลอดปีนี้ และราหูย้ายจากราศีกุมภ์ เข้าสู่ราศีมังกร ทำมุมตั้งฉากกับลัคนาเมือง ในวันที่ 17 เมษายน 2551 และยังอยู่ต่อเนื่องไปอีกทั้งปี"ลัคนาประเทศถูกบาปเคราะห์จตุโกณกากบาททุกจุด จึงทำให้ชาติบ้านเมืองเข้าสู่ทางคับขันตลอดเวลา เช่น เกิดสงคราม, ประกาศกฎอัยการศึก , สงครามกลางเมืองดาวอังคาร บ่งถึงบุคคลในเครื่องแบบผู้ถืออาวุธที่ไม่อยู่ในศีลธรรมจะต้องเข้ามามีบทบาท แทรกเป็นยาดำในคณะรัฐบาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้นดาวมฤตยู กับ เสาร์ เล็งกันลอยอยู่เหนือขอบฟ้า ดาวคู่นี้หมายถึง การถูกปล่อยเกาะอย่างโดดเดี่ยว การถูกลอยแพ บ่งถึงว่าเมืองไทยจะตกอยู่ในภาวะคับขันรอบด้าน โดยประเทศที่ล้อมอยู่ลุกเป็นไฟและตกอยู่ในสภาพตึงเครียดตลอดเวลา ทำให้เกิดเป็นปีมหาวิปโยคที่เป็นการปฏิวัติเปลี่ยนโฉมหน้าประวัติศาสตร์โดยสิ้นเชิงเดือนเมษายน ราวปลายเดือน ผู้มีอำนาจในการบริหารบ้านเมืองควรจะต้องระมัดระวังอย่างรอบคอบ แทนที่จะเห็นแก่ผลประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นหลัก จะเกิดความวุ่นวายปั่นป่วนทางการเมือง เกิดการแตกแยก บุคคลในเครื่องแบบจะมีบทบาททันที เกิดการจลาจล รัฐประหารครั้งใหญ่ เกิดการนองเลือด ผู้คนล้มตายเป็นเบือปรากฏการณ์บนฟากฟ้าเมืองไทยที่พึงสังเกตคือ ในเดือนเมษายน ดาวอังคารดาวแห่งสงครามจะย้ายเข้าราศีกรกฎ ทำมุมฉากกับลัคนาและเล็งราหูจรในเดือนเมษายน 2551 ดาวทั้ง 2 ดวงนี้ทำมุมฉากกับประเทศ จังหวะสัมพันธ์ของดาวเคราะห์ใหญ่ในด้านร้ายที่เผอิญมาพบกันดังกล่าวนี้มักจะไม่ค่อยปรากฏแก่เราบ่อยครั้งนัก จักทำให้บ้านเมืองเราและโลกประสบกับความปั่นป่วนยุ่งเหยิงครั้งยิ่งใหญ่เป็นประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติอีกครั้งใน "ดวงของโลก" การโคจรของดาวอังคาร "ดาวสีเลือด" มีส่วนต่อโลกในปีนี้อย่างมากนอกจากจะเกิดสงครามครั้งใหญ่แล้ว ยังอาจเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติเป็นภัยจาก "ภาวะโลกร้อน" ในทางวิทยาศาสตร์เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะทำให้ผู้คนประมาณหลายล้านคนขาดแคลนน้ำ อุณหภูมิจะเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 2-3 องศาเซลเซียส มลพิษคาร์บอนอันเกิดจากการเผาไหม้ของน้ำมัน และถ่านหินเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ในบรรยากาศพุ่งถึงระดับสูงสุดในรอบหลายแสนปี โดยที่คาร์บอนไดออกไซด์ คือ "ก๊าซเรือนกระจก" ตัวสำคัญที่สุดซึ่งแผ่ซ่านอยู่ในบรรยากาศ และคอยดักกักความร้อนของแสงอาทิตย์เอาไว้ตรงผิวโลก แทนที่จะปล่อยให้รังสีของดวงอาทิตย์ได้สะท้อนกลับออกไปในอวกาศ ทำให้อุณหภูมิของผิวโลกเพิ่มขึ้นทุก ๆ ปี โดยปัจจัยซึ่งทำให้ "โลกร้อน" ขึ้น ที่ส่วนมากที่สุดเป็นจากฝีมือมนุษย์ปี 2551 นี้ ดาวเสาร์และราหูในทางโหราศาสตร์ ไม่สัมพันธ์กับดวงของโลกและของดวงเมืองไทยเรา น่าเป็นห่วงยิ่งนัก เพราะไม่เคยเกิดขึ้นในช่วงชีวิตที่พวกเราได้กำเนิดมา หรือก่อนหน้านั้นเป็นหมื่นเป็นแสนปียังไม่เคยเกิด เกาะเล็กเกาะน้อยในอินโดนีเซีย ญี่ปุ่น จีน และไทย บางส่วนอาจจมหายไป เนื่องจากภาวะโลกร้อน ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนท่วมมิดเกาะ, อุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นจะทำให้ผู้คนของโลกหลายล้านคนหิวโหย เป็นสาเหตุให้เกิดการขาดแคลนน้ำถึงขั้นวิกฤตในจีน และในทวีปใหญ่ ๆ รวมไปถึงบางส่วนของยุโรปและสหรัฐฯ, ปริมาณน้ำฝนในพื้นที่เกษตรกรรม จะขาดหายไปเป็นจำนวนมาก ,เพราะมีบางประเทศจะขาดแคลนอาหารและน้ำจะท่วมชายฝั่งทำลายบ้านเรือนไปจำนวนมาก ทวีปแอฟริกา และประเทศยากจน จะเป็นที่ซึ่งได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะพวกเขามีความพร้อมจะรับมือกับภัยตามชายฝั่ง และความแห้งแล้งที่ทวีความรุนแรงขึ้นน้อยที่สุด, เนื่องจากอุณหภูมิน้ำทะเลในปี 2551 พุ่งสูงขึ้นผิดปกติและรวดเร็วเกินกว่านักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกได้คาดการณ์ไว้ จะเพิ่มสูงขึ้นมากและเป็นกรดมากยิ่งขึ้น แนวปะการังสวยงามในท้องทะเลทั่วโลกบางแห่งอาจ "สูญพันธุ์" ลงได้, สำหรับยุโรปในปีนี้ ธารน้ำแข็งจะเริ่มหายไปจากเทือกเขาแอลป์ตอนกลางบางส่วน ส่วนประเทศที่เป็นเกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก จะถูกเล่นงานอย่างหนัก จากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นและพายุโซนร้อนที่จะเกิดขึ้นบ่อยครั้งส่วนสยามประเทศ ปีชวด 2551 นี้ จะเป็นปีแห่งความอาเพศ ในปลายปีชวด 2551 นี้ จะเกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่น่าแปลกมหัศจรรย์จะเกิด "หิมะตก" ในเมืองไทยไปทั่วทางภาคเหนือและอีสานบางส่วน ประชาชนทั้งคนไทยและทั่วโลกตื่นตกใจแทบช๊อค เพราะไม่เคยเห็นปรากฏการณ์เช่นนี้มาก่อนเลยแต่จริง ๆ แล้ว ในทางโหราศาสตร์ไทยถือว่าเป็นอาเพศ เป็นลางร้ายที่จะเกิดมหัตภัยตามมาไม่หยุดหย่อน ทั้งทางธรรมชาติ บุคคล การเมือง การปกครอง วัฒนธรรมประเพณี ความเป็นอยู่แบบไทย ๆ เรา ก็จะเปลี่ยนแปลงไปซ้ำร้ายเหมือนจงใจจะให้เกิด ในปลายปี 2551 นี้ เกิดแผ่นดินไหวใต้ทะเลครั้งใหญ่ในประเทศไทยที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในต่างประเทศแล้วถึงกระทบมาถึงเรา ครั้งนี้เกิดที่ประเทศไทย ทำให้เกิดรอยเลื่อนใต้ทะเลทางแถบทะเลอันดามัน เป็นทางยาวมากทำให้เกิดคลื่นยักษ์เข้าถล่มตามชายฝั่งทะเล และมีดินแดนบางส่วนถูกกระหน่ำและจมลงสู่ทะเล มีการสูญเสียชีวิตผู้คนจำนวนมากแต่มหันตภัยครั้งนี้ทำให้เกิดแก๊สชนิดหนึ่ง เป็นชนิดใหม่ที่เกิดขึ้นไม่ใช่น้ำมันดิบหรือแก๊สธรรมชาติที่ทั่วโลกนำมาใช้ทำเป็นพลังงานเชื้อเพลิงอยู่ในปัจจุบัน แก๊สชนิดนี้ถูกพ่นขึ้นมาจากใจกลางโลกที่ร้อนระอุมาก มารวมตัวกันอยู่เหนือรอยแตกแยกของพื้นทะเลที่เกิดแผ่นดินไหว ผสมผสานกับสารเคมีบางชนิดกลายเป็นก้อนเหมือนภูเขาหินก้อนใหญ่โตที่อยู่ใต้ท้องทะเลไทย เป็นก้อนใหญ่มากที่สุดที่พบได้ในโลกนี้แก๊สชนิดนี้ในอนาคตสามารถนำขึ้นมาใช้แทนพลังงานเชื้อเพลิงที่มีอยู่อย่างน้ำมัน และประสิทธิภาพดีกว่าหลายร้อยเท่า ทำให้เป็นประโยชน์กับประเทศไทยเราในอนาคตอย่างมหาศาล อันนี้ถือเป็นส่วนดี !ส่วนตำราทางฮินดูทายไว้อีกนัยหนึ่งว่า ปี 2551 นี้ ประเทศไทยยังประสบปัญหาภัยแล้ง ขาดแคลนน้ำอย่างที่ไม่เคยประสบมาในรอบหลายร้อยปี ทำให้ทางภาคตะวันออกของประเทศมีสภาพแห้งแล้งทำให้ผู้คนและสัตว์เลี้ยงขาดน้ำจนบางจังหวัด บางอำเภอ บางหมู่บ้าน กลายเป็นทะเลทราย จนต้องอพยพผู้คนภัยพิบัติทางธรรมชาติยังไม่หยุดยั้งจะมีการสูญเสียแผ่นดินทางภาคใต้แถบฝั่งทะเลอันดามันตั้งแต่จังหวัดระนองลงมา อาจจะจมสู่ใต้ทะเลในเวลาอันรวดเร็วอย่างที่ไม่รู้เนื้อรู้ตัว ผู้คนจะล้มตายและสูญหายเป็นจำนวนมากเกาะภูเก็ต กระบี่ พังงา ราวกลางปี 2551 จะถูกคลื่นสึนามิเหมือนกำแพงยักษ์ถล่มหนักกว่าครั้งแรก ทำให้ผู้คนทั้งไทยและชาวต่างชาติ รวมทั้งทรัพย์สินตึกรามบ้านช่องถูกกวาดลงทะเลไปจนหมดสิ้น จนกลายเป็นเกาะร้างและบางส่วนอันตรธานหายไปในที่สุดเชื้อโรคที่รุนแรงระบาดเหมือนไข้หวัดนกจะเข้ามาทำลายล้างชีวิตมนุษย์และสัตว์ หรือเป็นเชื้อไข้หวัดนกที่กลายพันธุ์ติดต่อมาถึงคน ทำให้สูญเสียชีวิตมนุษย์มากมายเป็นที่สยดสยองต่อวงการแพทย์และไม่สามารถจะควบคุมด้วยยาหรือวิธีการทางการแพทย์สมัยใหม่ได้ทันที เป็นที่อเนจอนาถยิ่งนักส่วนปัญหาทางภาคใต้ อิทธิพลของดาวเสาร์ให้เป็นปีแห่งการก่อการร้ายและการก่อวินาศกรรมทั้งปี มีการเคลื่อนไหวของผู้คนที่ไม่สามารถจะควบคุมได้ใน 3 จังหวัดภาคใต้ ทำให้ผู้มีอำนาจขาดความเชื่อถือที่จะเหนี่ยวรั้งให้ผู้คนเหล่านั้นยุติความคิดของเขาได้ แต่ตามดวงเมืองแล้วไม่บ่งบอกว่าเราจะเสียดินแดน 3 จังหวัดภาคใต้นั้นไป เนื่องจากดาวอังคารเดินแบบวิกล จะส่งผลให้ความร้อนแรงเกิดขึ้นไม่สิ้นสุด เพราะดวงผู้นำประเทศไม่สัมพันธ์กับดวงเมืองปี 2551 นี้ ทำให้เหตุการณ์ร้อนแรงบานปลายขยายวงกว้างมีการก่อการร้าย ฆ่ารายวันผู้บริสุทธิ์อย่างโหดเหี้ยม ศาสนาถูกชักนำเข้ามาเกี่ยวข้อง มีการแก้ปัญหาด้วยการจับแพะ หรือความโกรธแค้นทุกหมู่เหล่า สถานภาพความปลอดภัยของ 3 จังหวัดภาคใต้วิกฤตหนัก ทำให้คนปกติขนอพยพหนีไปยังที่ที่ปลอดภัยหรือดินแดนแห่งใหม่ ต่างชาติต้องมาเกี่ยวข้องโดยปริยายไม่ว่าจะรูปแบบของผู้ก่อการร้ายทั้งเก่าและใหม่ หรือองค์กรระหว่างประเทศจะใช้อาวุธที่มีอานุภาพรุนแรง ระเบิดพลีชีพ ตามโรงแรมและสถานที่ราชการ มีการเผาโรงเรียน หน่วยราชการหลายแหล่งทำให้ไฟลุกท่วมไปทั่วเมือง ประหนึ่งเป็นสงครามย่อย ๆ จนสหประชาชาติอื่นยื่นมือเข้ามาพิทักษ์ผู้บริสุทธิ์ ประเทศไทยเป็นที่กล่าวขวัญในทางที่น่าสะพรึงกลัวไปทั่วโลก สื่อต่างประเทศจะเข้ามา ชนิดที่ว่ารัฐบาลจะควบคุมไม่อยู่ชาวโลกและประเทศไทยยังเดือดร้อนเรื่องน้ำมันแพง อันเป็นผลจากกลุ่มชาติอาหรับผู้เป็นเจ้าของน้ำมัน อันเป็นทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งมีอยู่มากในกลุ่มชาติเหล่านี้ ได้รวมหัวกันขึ้นราคาน้ำมัน และเพิ่มราคาน้ำมันขึ้นทุกปีโดยไม่หยุดยั้ง ทำให้ชาติต่าง ๆ เดือดร้อน เศรษฐกิจตกต่ำทั่วไป ส่งผลให้ข้าวของแพง ผู้คนลำบากทั่วทุกหัวระแหง ตลอดทั้งปีน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้นราคารวมทั้งแก๊สหุงต้ม ทำให้ประชาชนปั่นป่วนเดือดร้อนมากราวปลายปี น้ำแข็งที่ขั้วโลกละลายอย่างรวดเร็วสุดยับยั้ง ทำให้ระดับน้ำในทะเลและมหาสมุทรสูงขึ้นมาก เกิดสภาวะน้ำท่วมใหญ่ที่ถาวรขึ้นในบริเวณที่ลุ่มต่ำของโลก ประเทศไทยบางส่วนจะถูกน้ำท่วมใหญ่ ประกอบกับจะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เป็นระยะ ๆ ทำให้หมู่เกาะบางเกาะต้องจมหายลงไปในทะเล เป็นการสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติและชีวิตมนุษย์ครั้งใหญ่ของประเทศกรุงเทพฯ บางส่วนเริ่มถูกน้ำทะเลท่วมเข้ามาถึง อาจจะจมน้ำหายไปและจะเป็นเช่นนี้ต่อเนื่องไปอีกหลายปี และอาจจะจมหายไปจากแผนที่โลกหรือแผนที่ประเทศไทย อาจจะต้องเปลี่ยนแปลง ดังนั้นภาครัฐต้องตระหนักถึงเรื่องนี้ควรหาทางป้องกันไว้ก่อนโลกจะเข้าสู่ยุคเข็ญ สหรัฐอเมริกาและตะวันออกกลางเริ่มเปิดฉากสงครามล้างเผ่าพันธุ์เป็นสงครามปรมาณู มีการใช้ขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ หรือสงครามไฮเทคนำมาใช้กัน ทำให้เกิดจุดวิกฤตการณ์ของโลกเขม็งเกลียวเป็นสงครามครั้งใหญ่ของโลก บ้านเมืองพินาศ ผู้คนล้มตายเป็นผักเป็นปลาจำนวนมหาศาล สงครามครั้งนี้จะยืดเยื้อไปอีกหลายปีอาณาบริเวณที่จะเกิดจุดฆาตคือ สหรัฐ อังกฤษ อิสราเอล กลุ่มประเทศปาเลสไตน์ ปากีสถาน อัฟกานิสถาน อินโดนีเซีย จีน และรัสเซีย ฐานทัพนอกประเทศของมหาอำนาจจะถูกทำลาย ส่วนประเทศไทยเราจะถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับสงครามครั้งนี้ด้วยส่วนด้านเศรษฐกิจถือว่าตกต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลกก็ว่าได้ ทั่วโลกเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า เศรษฐกิจของสหรัฐและยุโรปคลอนแคลน ซวนเซ โดยเฉพาะประเทศไทยเรา เป็นปีแห่งความล้มละลายทางเศรษฐกิจ ไม่อาจฟื้นขึ้นมาได้ ประชาชนอดอยาก ธุรกิจสับสน คนว่างงานหรือถูกปลดออกจากงานหลายแสนคนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบเกิดสงครามไปทั่วโลก ธนาคารทั้งเล็กและใหญ่เริ่มล้มและปิดตัวเองลง ตลาดหุ้นถูกกระทบกระเทือนอย่างหนักต้องปิดตัวเองลงอย่างถาวร มีคนฆ่าตัวตายเป็นจำนวนมาก ถือได้ว่าเป็นปีแห่ง "เศรษฐกิจเลือด" ก็เป็นได้
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ตำนาน ขนมหม้อแกง



เมื่อวันเสาร์ที่ 12 ก.ค.2551 ผมได้เดินทางไป จ.เพชรบุรี ระหว่างที่รถติดไฟแดงอยู่บน ถ.เพชรเกษม นั้น ก็มีคนเดินมาแจกใบปลิวโฆษณาขนมหม้อแกงเมืองเพชร “แม่กิมลั้ง” ผมก็รับมา เมื่ออ่านข้อความบางส่วนในใบปลิวแล้ว จึงได้รู้ว่า ขนมหม้อแกง ที่มีชื่อเสียงของเมืองเพชรบุรี นั้น ได้รับการขนานนามในสมัยก่อนว่า “ขนมกุมภมาศ” ผมจึงได้คัดลอกข้อความจากใบปลิวนั้น มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันเพื่อประดับความรู้ ดังนี้



ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช อาณาจักรสยามประเทศอยู่ในความสงบสุข ไม่มีศึกสงคราม มีคณะฑูต และบาทหลวงจากประเทศต่างๆ เข้ามาเจริญสัมพันธ์ไมตรีจนถือว่าเป็นยุคทองแห่งการฑูตไทย และยุคทองแห่งวรรณคดี มีข้าราชการอยู่คนหนึ่งซึ่งพระเจ้ากรุงสยามได้ยกย่องตั้งให้เป็นพระซึ่งเป็นตำแหน่งชั้นที่ 2 ของเมืองนี้ ขุนนางผู้นี้ชื่อ “คอนสแตนตินฟอลคอล” ซึ่งเป็นคนที่ฉลาด มีไหวพริบตรึกตรองการลึกซึ้ง ทำการค้าขายมากกว่าพ่อค้าทั้งปวง คอนสแตนตินฟอลคอล ได้รับตำแหน่งแต่งตั้งเป็น “เจ้าพระยาวิชาเยนทร์” และได้แต่งงานกับคุณท้าวทองกีบม้า (เชื้อชาติญี่ปุ่น สัญชาติโปรตุเกส) ต่อมาในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ ประเทศสยามมีการเปลี่ยนแปลง การปกครองขุนนางชาวต่างชาติ รวมถึง คอนแตนตินฟอลคอล ถูกประหารชีวิต


คุณท้าวทองกีบม้า ถูกนำตัวไปขังเกือบ 2 ปี จึงได้ถูกปลดปล่อย แต่มีเงื่อนไขว่าจะต้องทำขนมหวานส่งเข้าไปในวังตามอัตราที่กำหนดไว้ ทั้งนี้เพราะเป็นผู้มีชื่อเสียงในการทำอาหารคาวหวานได้อย่างยอดเยี่ยม


จุดเปลี่ยนโฉมหน้าของขนมไทยครั้งสำคัญเกิดขึ้นเมื่อ คุณท้าวทองกีบม้า เริ่มทำขนมหวาน คือ ขนมทองหยิบ ขนมทองหยอด ขนมฝอยทอง ขนมโปร่ง ขนมพล ขนมผิง ขนมไข่เต่า ขนมท้องม้วน ขนมสัมปันนี และขนมหม้อแกง ซึ่งนำไข่มาเป็นส่วนประกอบหลัก และสอนให้ชาวสยามทำอาหารต่างๆ จนเป็นความรู้ติดตัว ด้วยมีรสชาติของไข่และน้ำตาล เป็นส่วนประกอบทำให้ขนมต่างๆ โดยเฉพาะขนมหม้อแกง ที่ได้รับความนิยมชมชอบจากเจ้านายชั้นสูงในรั้วในวัง และได้รับการขนานนามขนมหม้อแกงว่า “ขนมกุมภมาศ”


เมื่อลูกมือในบ้านคุณท้าวทองกีบม้าแต่งงาน ก็นำความรู้ที่ได้รับไปทำและเผยแพร่ต่อไปอีก ทำให้ตำรับการทำขนมคาวหวานที่เป็นของสูงในพระราชวังได้ถูกเผยแพร่ออกไปสู่ประชาชน และสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2529 จ.เพชรบุรี มีการบูรณะพระนครคิรีให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ชาวบ้านในละแวกนั้นได้ทำขนมหม้อแกงออกจำหน่าย ทำให้ขนมหม้อแกงเป็นขนมที่ขึ้นชื่อของจังหวัดเพชรบุรี และรู้จักกันแพร่หลายมาตราบชั่วทุกวันนี้

ที่มา : ใบปลิวโฆษณาขนมหม้อแกงเมืองเพชรแม่กิมลั้ง (12 ก.ค.2551) อ้างอิงจาก น.ส.พ.เพชรนิว ฉบับเดือนธันวาคม พ.ศ.2547 (อ้างอิงต่อจาก หนังสือประชุมพงศาวดารที่ 40 ฉบับหอสมุดแห่งชาติ เรื่อง จดหมายเหตุของคณะพ่อค้าฝรั่งเศส ซึ่งเป็นสำเนาจดหมายมองซิเออร์เคลานด์ ไปถึง มองซิเออร์ บารอง ผู้อำนวยการใหญ่ในประเทศสยาม ลงวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ.1628(พ.ศ.2225))