วันพุธที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2553

หากขาดคนปิดทองหลังพระจริงๆ แล้วจะทำอย่างไร


การทำงานด้วยใจรัก..ต้องหวังผลงานนั้นเป็นสำคัญ
แม้จะไม่มีใครรู้ ใครเห็น..ก็ไม่น่าวิตก
เพราะผลสำเร็จนั้น..จะเป็นประจักษ์พยานที่มั่นคง
ที่พูดเช่นนี้ เหมือนกับสอนให้ปิดทองหลังพระ
การปิดทองหลังพระนั้น เมื่อถึงคราวจำเป็นก็ต้องปิด
ว่าที่จริงแล้ว..คนโดยมากไม่ค่อยชอบปิดทองหลังพระกันนัก
เพราะเห็นว่าไม่มีใครเห็น
แต่ถ้าทุกคน...พากันปิดทองแต่ข้างหน้า
ไม่มีใครปิดทองหลังพระเลย
พระจะเป็นพระที่งามบริบูรณ์ไม่ได้

******************************

"หากไม่มีใครปิดทองหลังพระ พระจะงามทั้งองค์ได้อย่างไร" คำพูดนี้ ผมมักจะใช้ปลอบใจลูกศิษย์ลูกหา เพื่อนร่วมงาน และคนในครอบครัว อยู่เสมอในขณะที่พวกเขาท้อแท้ใจและชอบบ่นว่า "ทำดีแล้วไม่มีใครเห็น"  แต่แท้ที่จริงแล้ว ในหลวงของเรา พระองค์ได้ทรงสั่งสอนมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2506 แล้ว ซึ่งปรากฏในพระบรมราโชวาทพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ตอนนั้นผมเพิ่งอายุได้ 2 ขวบเท่านั้นเอง

วันนี้ ในทัศนะส่วนตัวแล้ว ผมเห็นว่าคนที่ทำงานแบบปิดทองหลังองค์พระ นับวันจะเริ่มน้อยลง เพราะเห็นว่ามันไม่ค่อยเจริญ สู้พวกที่ปิดทองหน้าพระไม่ได้  ดังนั้นพวกนี้จึงกลายเป็นพวกที่ไม่ยอมปิดทองพระเลย อยู่นิ่งๆ ดีกว่า ไม่สั่งก็ไม่ทำ เพราะเกิดอาการท้อแท้ เสียขวัญ

เนื่องจากความเป็นสื่อมวลชน ผมจึงได้มีโอกาสสัมผัสเรื่องราวเบื้องหลังลึกๆ ของโครงการและกิจกรรมหลายอย่างที่หน่วยงานต่างๆ จัดทำขึ้น  ล้วนแล้วมักจะทำงานแบบสร้างภาพลักษณ์ที่สวยงามมากกว่าความมีคุณภาพ  เสมือนกับการปิดทองแต่หน้าพระ ใครพบใครเห็นก็รู้สึกสวยงามไว้ก่อน  แต่เบื้องหลังแล้วสุดแสนที่จะสับสน สั่งแต่ไม่มีคนทำ สั่งแต่ไม่มีใครร่วมมือ สั่งแต่ไม่มีใครประสานงาน สั่งแต่ไม่มีงบประมาณให้ งานสำเร็จแบบแกนๆ เอาในวินาทีสุดท้ายทุกที เหตุการณ์เหล่านี้เป็นเพราะคนที่เคยปิดทองหลังพระ เขาไม่ทำแล้วนั่นเอง

น่าแปลก ขณะที่เงินเดือนและงบประมาณต่างๆ มีมากขึ้น มันน่าจะดี  แต่ทำไมลูกน้องในหลายหน่วยงานจึงขวัญต่ำและยากจนลง ข้าราชการทั้งพลเรือน ทหาร ตำรวจ และครู ชิงลาออกก่อนเกษียณกันเป็นว่าเล่น จนต้องระงับเอาไว้ เหตุเพราะเขาเหล่านั้นคงเกิดอาการเบื่อหน่าย แต่ถามว่าเบื่อหน่ายเรื่องอะไรบ้าง เช่น
  • ครู ลาออกเพราะเบื่อผู้อำนวยการ 
  • ครู ลาออกเพราะเบื่อการประเมินคุณภาพ ต้องจัดทำเอกสารหลักฐานวุ่นวายมากมายไปหมด
  • ข้าราชการลาออก เพราะไม่ได้รับความยุติธรรมจากเจ้านาย เจ้านายไร้ธรรมาภิบาลในการปกครอง บริหารงานแบบสมบัติผลัดกันชม มีแต่พวกกู พวกมึง แต่ไม่มีผู้ใต้บังคับบัญชา
  • ข้าราชการลาออก เพราะมองไม่เห็นความเจริญในตำแหน่งหน้าที่การงานของตน
  • ฯลฯ
ในสมัยก่อน คนเหล่านี้ อุตส่าห์สมัครสอบแข่งขันกับคนหลายร้อยพันคน เพื่อเข้ามาเป็นข้าราชการ แต่ตอนนี้กลับชิงลาออกก่อนเกษียณ...จึงต้องหันมาตั้งคำถามว่า มันเกิดอะไรขึ้น....เราเข้าใจในเรื่อง การบริหารทรัพยากรมนุษย์ อย่างแท้จริงหรือไม่...ทั้งๆ ที่มีผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้เต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด 

สังคมวันนี้ มีพวก Wallpaper เสนอหน้าถ่ายรูปทุกงานอยู่มากมาย แต่คนที่ทำงานเก่ง ชอบที่จะอยู่เบื้องหลังความสำเร็จ ชอบที่จะปิดทองหลังพระ คนเหล่านี้กำลังจะหมดไป ...เพราะคนเหล่านี้เริ่มท้อแท้ สิ้นหวัง ขาดขวัญกำลังใจในการทำงาน...เหมือนไฟที่กำลังจะมอดลง เพราะไม่มีเชื้อไฟ...

วันหนึ่ง หากขาดคนปิดทองหลังพระจริงๆ  เราก็คงต้องกลับพระเสีย เพื่อให้ข้างหลังกลายเป็นข้างหน้า และให้ข้างหน้ากลายเป็นข้างหลัง
แล้วเราจะทำเช่นนั้นได้หรือ?

จุฑาคเชน  : 22 ธ.ค.2553

ตีพิมพ์ใน น.ส.พ.สู่ชนบท ปีที่ 22 ฉบับที่ 380 ประจำเดือนมกราคม พุทธศักราช 2554 หน้า 3

ไม่มีความคิดเห็น: