วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ชีวิตยายทอง..แสงไฟในเศษฟืน

วันนี้ เปิดอีเมล์เพื่อเช็คงานดู มีคุณครูท่านหนึ่ง Forward mail มาให้ เขียนหัวเรื่องว่า "คุณยาย อึ้งจริงๆ (***** เรื่องนี้ห้าดาว)"  จึงรีบเปิดดูทันที พอเปิดเข้าไปก็จำได้ว่า ชีวิตยายทอง นี้เคยดูในโทรทัศน์ แต่จำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร  พอได้รับเมล์นี้ จึงรีบนำมา Post เอาไว้ จะได้ช่วยเผยแพร่ไปอีกทางหนึ่ง ยิ่งดูรูปที่เขาถ่ายมาด้วย ยิ่งรู้สึกสงสาร (เพราะผมก็เคยมีแม่ที่ชราอย่างนี้ และท่านก็เเสียชีวิตไปแล้ว) ผมคิดว่านี่เป็นเพียงชีวิตในสังคมไทยบางส่วนเท่านั้นของผู้สูงอายุ  ยังมีชีวิตอย่างนี้อีกมากในสังคมไทย...อย่างไรผ่านไปแถวโคราชก็ไปเยี่ยมยายทอง บ้างก็แล้วกัน...บุญสร้างได้ทุกที่ทุกเวลา...แค่คิดสงสารก็เกิดบุญแล้ว...

แสงไฟในเศษฟืน ถ้าเราพอจะช่วยได้..ยาย..รอ... 
คำสอนของยายทอง ขอปล้องกลาง ชีวิตหญิงชราวัย 81 ปี ที่ต่อสู้ชีวิต ด้วยการ "ขายเศษฟืน" ยายทอง คือ ยายที่เราเคยไปถ่ายทำสารคดีเรื่อง แสงไฟในเศษฟืน แล้วได้รับรู้ว่าชิวิตของยายนั้นต้องอยู่อย่างลำบากในเพิงสังกะสีเก่าๆ  ไม่ต่างจากกองขยะ ที่ทั้งอุดอู้ สกปรก และไม่สามารถกันแดดฝนอะไรได้เลย

ยายต้องเดินเท้าหลายกิโลพร้อมกับกระสอบฟืน ขวดน้ำเก่าๆ และร่มคันหนึ่ง ใช้พยุงตัวเองมาเรื่อยๆให้ถึงหน้าโรงเรียนบุญวัฒนาเพื่อขอขึ้นรถโดยสาร (ที่บางคันจอดรับ และบางคันก็ไม่ให้ยายขึ้น) ไปยังหน้าร้านทอง สามแยกตลาดแม่กิมเฮง

1 บาท เศษไม้ขอแลกเศษเงิน ขอบคุณลูกหลาน..ที่ช่วยต่อชีวิตให้ยาย
ประโยคหนึ่งในเศษกระดาษเก่ายับที่วางอยู่หน้ากองฟืน ได้คนขับสามล้อแถวนั้นเขียนทิ้งไว้ให้  เผื่อว่าคนที่ผ่านไปมาจะได้เห็นว่า ที่มุมเสาไฟฟ้านั้นมีอีกชีวิตที่รอคนเมตตา  ซึ่งความจริงนั้นบางวันยาย... อาจได้แค่คนที่หยุดมองอย่างสงสัยแต่ก็ไม่มีใครสนใจจะซื้อเศษไม้ไร้ค่านั้นเลย สักคนเดียว

เราส่งเมลล์นี้มา ด้วยความที่อยากช่วยเหลือยาย แต่ไม่รู้จะช่วยด้วยวิธีไหน อยากให้เพื่อนๆช่วย Forward mail นี้ต่อกันไปเรื่อยๆ เผื่อว่าคนที่อยู่โคราช และมีโอกาสผ่านไป ถนนเส้นย่าโม สามแยกทางเข้าตลาดแม่กิมเฮง ตรงเสาไฟฟ้า หน้าร้านทอง เพื่อนๆจะเห็นคนแก่คนหนึ่ง ที่ไม่มีอะไรเลย นั่งอาศัยเงาจากเสาไฟฟ้า เพื่อขายของบางอย่าง ที่คนสมัยนี้เค้าไม่ได้ต้องการแล้ว แต่ 'ฟืน' มันก็เป็นเหมือนความหวังเดียวที่ยายมี ทางออกเดียวที่ยายเห็น จากดวงตาที่พร่ามัวเกือบบอดด้วยโรคชรา และหูที่ตึงจนเกือบไม่ได้ยินแล้ว

ถ้าเพื่อนไม่ได้ผ่านไปก็ช่วยForward mail นี้ต่อๆกันไปที ถือว่าเป็นการทำบุญเท่าที่เราทำได้ เผื่อว่าวันหนึ่ง จะมีใครสักคนที่จะเข้ามาช่วยเหลือ ยายทอง ให้เป็นอยู่ในสภาพที่ดีกว่านี้.... ตอกย้ำ...ทำดีได้ดี.....สิ่งนี้ที่เป็นศักดิ์ศรี รู้แล้วทำดีเข้าไป ถึงไหนก็ไม่มีโง่ เกิดเป็นคนทนโท่...ทำดี...โอ้โห...ได้ดี

พอไปถึงโคราช ก็ขับรถวนไปตรงถนนย่าโม หาทางไปตลาดแม่กิมเฮง ผ่านศาลย่าโมมานิดหน่อย พอมองหา ก็เห็นคุณยายนั่งอยู่ตรงเสาไฟฟ้าที่สามแยกหน้าร้านทอง (จอดรถที่วัดสะแกแล้วเดินกลับมานิดหน่อยก็เจอ) คุณยายนั่งอยู่กับพื้น ตรงหน้ามีผ้าพลาสติกเก่า ๆ มีเศษไม้มัดไว้เป็นกำ ๆ วางไว้เรียบร้อย มีกระดาษที่คนใจดี print ให้ไว้ว่า "เศษไม้ก่อไฟ มัดละ 1 บาท"

เราบอกคุณยายไปว่า เห็นเรื่องยายในหนังสือ (หมายถึง email แต่กลัวยายไม่รู้จัก) ก็เลยมาเยี่ยม คุณยายหูตึงแล้ว แต่ยังคุยรู้เรื่องนะ แกถามว่าหนูมาจากไหน จะอยู่กี่วัน มานี่พักอยู่ที่ไหน เราก็ตอบแกไปว่ามาจาก กรุงเทพฯ แกถามว่าอยู่เขตอะไร ก็บอกแกไปว่าอยู่เขตประเวศ ตอนนั้นคิดว่าบอกไป แกก็คงไม่รู้จักหรอก ระหว่างนั้นก็มีคนเดินมาดูเศษฟืน ถาม ๆ อะไรหน่อยแต่ก็ไม่ได้ซื้อ เราก็เลยบอกคุณยายว่าหนูขอซื้อกำนึงนะ แล้วก็เอาเงินให้แกไปร้อยนึง ยายก็ยิ้มดีใจ ขอบใจให้พร ตอนนั้นประมาณบ่ายกว่า ๆ ยายบอกว่ายังไม่ได้กินข้าว เราก็เลยบอกให้ยายเก็บเงินไว้กินข้าวนะ แล้วยายก็เอาเงินซุกลงไปในเสื้อ เหน็บไว้ตรงหน้าอก ไอ้เราก็กลัวเงินจะหล่นนะ เพราะหน้าอกยายไม่ใช่สาว ๆ แล้ว

เท่าที่คุยกับยายก็เลยรู้ว่าแกต้องจ้างคนผ่าเศษไม้ให้ ถุงนึง 100 บาท แล้วแกก็เอากรรไกรเก่า ๆ เป็นสนิมอันนึง นั่งตั้งอกตั้งใจตัดให้เป็นท่อนเท่า ๆ กัน มัดด้วยหนังยาง ขายกำละ 1 บาท เท่าที่เห็น ถ้าขายกำละ 1 บาทจนหมด ไม่รู้จะได้ถึง 100 บาทมั้ย ยายบอกว่าก็ขายพอกินข้าวได้ไปวัน ๆ แล้วตอนเย็นยายต้องจ้างสามล้อ 20 บาท ไปส่งตรงป้ายรถเมล์ จ่ายค่ารถเมล์อีก 8 บาท พอลงรถแล้วต้องเดินต่อไปอีกกว่าจะถึงบ้าน แต่รถบางคันก็ไม่ยอมรับแกขึ้นรถนะ

พอคุยกันซักพัก เราก็ขอตัวลาแกไปทำงาน แกก็อวยพรให้ บอกว่า 'ขอให้เจริญ ๆ นะหนู... อยู่แถวประเวศใช่มั๊ย' ดีจังเลย คุณยายจำได้ด้วย เราคิดว่าคุณยายใส่ใจฟังจริง ๆ นะ คนบางคนเวลาที่เราคุยด้วย ก็ถามนั่นถามนี่ไปตามมารยาท ไม่ได้ใส่ใจฟังจริง ๆ อย่างนี้หรอก

คุณยายบอกว่า คิดถึงยายก็มาเยี่ยมยายนะ ยายอยู่ตรงนี้แหละ พอเราเดินออกมานิดหน่อยก็คิดถึงยายแล้วหล่ะ หลังจากนั้นประมาณซัก 10 นาที (ไปทำงาน) พอเดินกลับมาเห็นคนขายก๋วยเตี๋ยวหนุ่มทางทางใจดี กำลังเอาก๋วยเตี๋ยวมาให้ยาย แล้วก็คอยดูอยู่ว่ายายจะทานได้มั๊ย เราเลยเดินไปซื้อน้ำเปล่ามาให้ยายขวดนึง แล้วก็บอกให้ยายกินน้ำด้วยนะ อากาศร้อน ยายก็ยิ้มดีใจ บอกว่า 'ดีจังเลย ได้กินน้ำเย็น ๆ' ฟังแล้วก็ดีใจจัง

มาคิด ๆ ดูแล้ว บางทีเราเองกินทิ้งกินขว้าง จ่ายเงินกับเรื่องไร้สาระ ซื้อของแพงโดยไม่จำเป็น ไปร้านทำผมมาทีก็หลายตังค์ แต่น้ำเย็นขวดนึงแค่ 10 บาท ทำให้คนแก่คนนึงยิ้มได้อย่างมีความสุขขนาดนี้ เย็นวันนั้นโทรไปเล่าให้เพื่อนฟัง บอกว่าวันรุ่งขึ้นก่อนกลับ กทม จะไปหายายอกีที เพื่อนใจดีก็ฝากเอาเงินไปให้ยายอีกด้วย

พอวันรุ่งขึ้นตอนใกล้ ๆ เที่ยง ก็ซื้อน้ำเย็นไปให้ยายอีกขวด (คราวนี้ตั้งใจเลือกขวดเย็นเจี๊ยบเลย) พอคุณยายเห็นหน้าเราแล้วก็พูดว่า "อ๋อ หนูที่อยู่ประเวศใช่มั๊ย"  ดูซิ ยายน่ารักจังเลย จำได้ด้วย เราถามแกไปว่ากินข้าวหรือยัง แกบอกว่า "ยังไม่มีเวลากินเลย มีแต่เวลาทำงาน (ตัดไม้) ตั้งแต่เช้ายังขายไม่ได้ซักกำเลย" เราก็เลยไปซื้อข้าวมาให้ แล้วก็เอาเงินของเพื่อนกับเงินตัวเองให้แกไปอีกจำนวนนึง บอกให้แกเก็บดี ๆ นะ ค่อย ๆ ใช้ ยายกระซิบบอกว่า ต้องเก็บดี ๆ เพราะเคยมีคนมาแย่งเงินแกไปเฉย ๆ เลย เป็นผู้หญิง (ทำไมใจร้ายนักก็ไม่รู้ !) แล้วแกก็ล้วงเข้าไปในเสื้อ ดึงกระเป๋าผ้าใบเล็ก ๆ เก่า ๆ ที่มีสายผูกกับเสื้อแกอีกที แล้วก็เก็บเงินเข้าไปในนั้นอย่างระวัง

ตอนขอถ่ายรูป คุณยายบอกว่า "ยายขายฟืน ให้ยายถือฟืนซักกำนึง ถ่ายรูปด้วยดีมั๊ย" ... แหม คุณยายนี่ก็มี prop นะคะ โพสต์ท่าเก่งไม่เบา ...

เราเอารูปในมือถือยื่นให้ยายดู แต่ยายบอกว่ามองไม่เห็นหรอก เพราะตายายไม่ดี หมอเพิ่งลอกต้อออกไปแค่ข้างเดียว ตอนนี้ดูฟ้าเห็นพระอาทิตย์เป็นสีเหมือนเลือดเลย น่าเศร้าจัง ยายบอกว่ากลับไปแล้วถ้ามีโอกาสมาอีก หรือถ้ามีใครมาโคราช ยายขอรูปแผ่นนึงนะ ฝากเค้าเอามาให้ยายทองตรงนี้ แล้วบอกว่าจากหนูที่อยู่ประเวศ ยายก็จะจำได้ .... คุณยายความจำดีจริง ๆ

ก่อนกลับ ยายอวยพรให้อีกหลายครั้ง แล้วถามว่าจะมาโคราชอีกเมื่อไหร่ สงกรานต์จะมามั๊ย เราก็ไม่แน่ใจหรอก แต่ถ้ามีโอกาสต้องไปหายายอีกแน่ ๆ ใครที่มีโอกาส อยู่โคราชหรือผ่านไปทางโคราช แวะไปเยี่ยมคุณยายหน่อย


ที่มา : Original Message  ถนอม พิมพ์เสน ส่งเมื่อ Sunday, January 24, 2010 4:47 PM

2 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

อยากไปบ้าง


อยู่ที่นี้เจอแต่คนแก่ที่เห็นแก่ตัว

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

คุณยายอยู่บ้านกับใครหรอ