นายวันชัย ธีระสัตยกุล นายวสันต์ เที่ยงตรง นายบุญดำรง ประเสริฐโสภา |
ต่อมานายวันชัย ธีระสัตยกุล นายก อบจ.ราชบุรี ก็ได้ลาออกจากตำแหน่งเช่นกัน (ซึ่งเหลือวาระอีกประมาณ 11 เดือน) โดยให้เหตุผลว่าเพื่อแสดงความเป็นกลางในการเลือกตั้ง ส.ส.ราชบุรี ต่อจากนั้น ผอ.การเลือกตั้งประจำ อบจ.ราชบุรี ก็ประกาศให้มีการเลือกตั้ง นายก อบจ.ใหม่ และเลือกตั้งซ่อม สจ.ราชบุรี 2 คน แทนตำแหน่งที่ว่าง ในวันอาทิตย์ที่ 17 ก.ค.2554
โดยใช้เงินสะสมของ อบจ.ในการจัดการเลือกตั้งครั้งนี้ 25 ล้านบาท
สจ.ที่เลือกใหม่ 2 คน คงทำงานไปตามวาระที่เหลือคือ อีก 9 เดือน แต่ นายก อบจ. ที่ได้รับเลือกตั้งใหม่ จะเริ่มนับวาระใหม่โดยจะสามารถดำรงตำแหน่งอยู่ต่อไปได้จนครบวาระคืออีก 4 ปี
ซึ่งวาระการดำรงตำแหน่งของ นายก อบจ. ที่เลือกใหม่นี้ ที่ว่าสามารถอยู่ต่อไปอีก 4 ปีนั้น ผมเองก็ไม่เข้าใจว่า ทำไม? จึงไม่เหมือนกับ สจ.ที่สามารถดำรงตำแหน่งได้แค่ตามวาระที่เหลืออยู่คือ 9 เดือน ใครๆ เขาก็บอกว่ามันเป็นไปตามกฏหมายการเลือกตั้งท้องถิ่นที่กำหนดไว้...
แต่นั่นคงไม่ใช่สาระสำคัญที่จะกล่าวถึง..สาระสำคัญมันอยู่ที่ว่า
การที่ สจ.ลาออกเพื่อไปลงสมัครเป็น ส.ส. ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์ส่วนตน
ทำไม? จึงต้องเอางบประมาณซึ่งเป็นเงินภาษีของประชาชนไปจัดการเลือกตั้งซ่อมให้..ผู้ที่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายควรจะเป็น สจ.คนที่ลาออกมากกว่า
หากตำแหน่ง สจ.ที่ว่างลงนี้ เหตุเพราะเสียชีวิต, ต้องความผิดในคดี, ทุพพลภาพ หรือมีเหตุอันสมควรว่าจำเป็นต้องลาออกเพราะแรงกดดันในสภา อย่างนี้..ผมว่าก็ยังพออนุโลมเอางบประมาณจากภาษีประชาชนไปจัดการเลือกตั้งซ่อมได้
ส่วนนายวันชัย ธีระสัตยกุล นายก อบจ.ราชบุรี ที่ลาออก ก็ไม่ได้เป็นไปตามที่กล่าวอ้างว่าเพื่อให้เกิดความเป็นกลาง แต่ลาออกเพราะต้องการแย่งชิงความได้เปรียบทางการเมือง เพราะเมื่อลาออก ก็จะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งปรากฏชัดเจนว่า
หลังที่นายวันชัยฯ ลาออก เพียงอีกไม่กี่วัน นายวันชัยฯ ก็กลับมาลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.ใหม่อีกครั้ง...จึงมีคำถามว่า ทำไม?
นี่คือสปิริตของนักการเมือง ใช่หรือไม่...นายวันชัยฯ เล็งเห็นว่า "การลาออกตอนนี้ แล้วมาสมัครใหม่ ตนเองจะไร้คู่แข่งมาแย่งชิงเก้าอี้ นายก อบจ.ราชบุรี เพราะคู่แข่งทั้งหลายกำลังลงไปชิงชัยกันในสนามเลือกตั้ง ส.ส.ของราชบุรี ที่จะมีการเลือกตั้งใน 3 กรกฏาคม 2554 ที่จะถึงนี้"
หากปล่อยให้มีเลือกตั้ง นายก.อบจ.ไปตามวาระที่เหลืออีก 11 เดือน คู่แข่งที่อกหักจากการเป็น ส.ส.จะต้องหันกลับมาลงสมัครเลือกตั้ง ชิงเก้าอี้ นายก อบจ.ราชบุรี แข่งกับนายวันชัยฯ อย่างแน่นอน
ดังนั้นการลาออกของนายวันชัยฯ จึงเป็นเหตุอันไม่สมควร เพราะเป็นการลาออกเพื่อต้องการชิงความได้เปรียบทางการเมือง
นายวันชัยฯ กำลังคิดเช่นเดียวกับพระยาละแวก
ซึ่งในปี พ.ศ.2129 พระยาละแวกเห็นว่าไทยกำลังสู้ศึกหงสาวดีอยู่ จึงฉวยโอกาสยกทัพเข้ามาตีเมืองปราจีนบุรี .....นายวันชัยก็เห็นว่าคู่แข่งกำลังทำศึกอยู่กับการเลือกตั้ง ส.ส. จึงฉวยโอกาสลาออก เพื่อป้องกันไม่ให้คู่แข่งได้ตั้งตัว หวนกลับมาแย่งชิงเก้าอี้ นายก.อบจ.ของตัวเอง...
ที่กล่าวมานี้ก็คือเล่ห์เหลี่ยมตามปกติของนักการเมือง โดยเขาไม่สนใจหรอกว่าประชาชนจะคิดอย่างไร แต่ประเด็นสำคัญที่ผมคิดว่า ทุกคนน่าจะให้ความสนใจและเป็นกรณีศึกษา ก็คือ
ทำไม? เราต้องเอาเงินภาษีของเราตั้ง 25 ล้าน เพื่อมาจัดการเลือกตั้งซ่อม เพราะสาเหตุจากคนเพียงแค่ 3 คนนี้
ทั้ง 3 คนลาออกไปก่อนจะหมดวาระ เพื่อให้สมประโยชน์ของตนเองทั้งสิ้น...
ดังนั้นคนที่จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้งใหม่..
ควรจะต้องเป็นภาระของคนทั้ง 3 คนนี้ต่างหาก...
แต่ถ้าถามว่าทั้ง 3 คนควรกระทำเช่นนั้นหรือไม่ ต้องตอบว่า "ไม่ใช่" และทั้ง 3 คนก็ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ เพราะมันเป็นไปตามกฏหมายการเลือกตั้งท้องถิ่นที่บัญญัติไว้
บทเรียนในครั้งนี้ก็คือ ประชาชนเสียค่าโง่ไป
เพราะขณะที่นักการเมืองเขาร่างกฏหมายฯ เพื่อเสนอนั้น เขาย่อมร่างเพื่อให้เป็นประโยชน์และเอื้อต่อตัวเขาเองมากกว่าที่จะเป็นประโยชน์แก่ส่วนร่วมและรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ ผมเสียดายเงินตั้ง 25 ล้าน ที่จะต้องละลายไปในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ แล้วได้คนมาเพียง 3 คน คือ นายก อบจ.ราชบุรี (คนใหม่) 1 คน และ สจ.(ใหม่) อีก 2 คน
และในอีก 9 เดือนข้างหน้าก็ต้องเสียเงินค่าจัดการเลือกตั้ง สจ.ใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง
และในอีก 9 เดือนข้างหน้าก็ต้องเสียเงินค่าจัดการเลือกตั้ง สจ.ใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง
น่าเสียดาย เงินตั้ง 25 ล้าน มันน่าจะทำประโยชน์อะไรได้มากกว่านี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น