วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2554

เกียรติตำรวจของไทยหายไปไหน

อาจารย์ปราโมทย์ นาครทรรพ เขียนตอนหนึ่งในบทความเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ เมื่อ 18 ก.ค.2554 ไว้ว่า

หากเมื่อใดก็ตาม
การเมืองเป็นใหญ่ กฎหมายเป็นรอง และกองทัพเป็นลูกไล่
เมืองไทยที่เราเคยรู้จัก รักและภูมิใจ ก็คงจะอยู่ได้อีกไม่นาน

แต่ถ้า กฎหมายเป็นใหญ่ การเมืองเป็นรอง กองทัพเป็นหลัก
บ้านเมืองรอด












ภาพด้านบน เป็นข่าวพาดหัวของหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ฉบับหนึ่งในประเทศไทย
"วิเชียรยอมสยบอำนาจรัฐ สมัครใจไป สมช."

การพาดหัวข่าวที่ว่า "วิเชียรยอมสยบอำนาจรัฐ" นั้น ผมว่าไม่น่าจะใช่ ควรจะพาดหัวข่าวว่า "วิเชียรยอมสยบอำนาจนักการเมือง" มากกว่า เพราะมันเป็นเรื่องจริงที่ปรากฏให้เห็นของพฤติกรรมของนักการเมืองคนหนึ่ง มันเป็นตัวบุคคล ไม่ใช่อำนาจรัฐ

เกียรติตำรวจของไทยหายไปไหน
ภาพลักษณ์ของอาชีพตำรวจในสายตาของผม จริงแล้วก็ไม่ค่อยดีนัก  แต่ในครั้งนี้ผมรู้สึกว่า ตำรวจถูกหยามเกียรติและศักดิ์ศรีมากเกินไป  จากนักการเมืองประเภท "คางคกขึ้นวอ" ลุแก่อำนาจ เป็นถึงรองนายกรัฐมนตรี จะย้ายนายตำรวจยศ พลตำรวจเอก ออกจากตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แล้วเอา พลตำรวจเอก (คนของเจ้านายตนเอง) มาดำรงตำแหน่งแทน ก็ควรทำให้เป็นแบบผู้ใหญ่ทำ

ไม่ต้องมาโพทนาว่า "คนนี้ไม่มีฝีมือ อีกคนหนึ่งมีฝีมือมากกว่า"
ไม่ต้องมาโพทนาว่า "นโยบายของผม คือ Put the right man on the right job"  
ไม่ต้องออกมาโพทนาว่า "มีทั้งบ่อนการพนันและยาเสพติดเกิดขึ้นมากมาย เพราะ ผบ.ตร.คนนี้ทำงานไม่เป็น" ฯลฯ
ทำไมถึงต้องทำแบบเด็กๆ  ออกหน้าออกตา ออกมาใส่ไคล้ป้ายสี ทางสื่อต่างๆ เป็นรายวัน
"สร้างภาพคนอื่นให้เลว  เพื่อจะให้คนของตัวเองได้ดี"  

หลายคน หลายภาคส่วนออกมาระบุว่า
"การกระทำของ ร.ต.อ.ค้างคกขึ้นวอ รองนายกรัฐมนตรี นี้เป็นการใช้อำนาจแทรกแซงข้าราชการตำรวจประจำ โดยไม่มีเหตุผลอันควร  เพราะตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ การโอนย้ายนี้ จะต้องเกิดขึ้นจากความสมัครใจ ซึ่งเชื่อว่า พล.ต.อ.วิเชียร ไม่ได้มีความสมัครใจที่จะย้ายออกจากตำแหน่ง ส่วน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร.ผู้ที่คาดว่าจะได้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งนั้น ผู้ที่รับประโยชน์ทางอ้อม คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพราะถือเป็นเครือญาติ จึงอยากให้ พล.ต.อ.วิเชียร ฟ้องต่อศาลปกครอง ว่าถูก นายกรัฐมนตรี และ ร.ต.อ.เฉลิม ดำเนินการโยกย้ายโดยไม่ได้รับความสมัครใจ"

แล้วตำรวจของไทยทำอะไรกันอยู่ ผู้บังคับบัญชาของท่านถูกดูหมิ่นเกียรติและศักดิ์ศรี จากนักการเมืองขนาดนี้แล้ว ยังคงนิ่งเฉยดูดาย  ผมขอเน้นย้ำที่ อ.ปราโมทย์ฯ เขียนไว้ ข้างต้นของบทความนี้ว่า

หากเมื่อใดก็ตาม การเมืองเป็นใหญ่ กฎหมายเป็นรอง และกองทัพ (ทั้งสี่เหล่าทัพ) เป็นลูกไล่
เมืองไทยที่เราเคยรู้จัก รักและภูมิใจ ก็คงจะอยู่ได้อีกไม่นาน

นี่เป็นเพียงละครฉากเริ่มต้นเท่านั้น ต่อไปข้าราชการไทยจะถูกนักการเมืองเข้าแทรกแซงในทุกอณูขุมขน 

ป.ล.งมงายทั้งประเทศ
ก่อนจบ ลองดูภาพทางซ้ายของ น.ส.พ.ฉบับนี้อีกครั้ง เป็นภาพข่าว รถนายกให้โชค อธิบายใต้ภาพข่าวว่า
"น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ชี้ให้ดูทะเบียนรถ ฮน.333 ที่มีผู้นำไปซื้อหวยในงวดนี้ทั้ง 2 ตัว 3 ตัว และมีผู้ทำงานในอาคารรัฐสภาถูกหวยจากเลขดังกล่าวกันหลายคนฯ"

อย่างนี้ เขาเรียก "งมงายตั้งแต่นายกฯ รัฐสภา ถึงประชาชนรากหญ้า" 
เพราะนายกฯ ออกมาเป็นพรีเซนเตอร์หวย สร้างความงมงายให้ประชาชนเสียเอง.....

**********************************
ชาติชาย คเชนชล : 4 ก.ย.2554

1 ความคิดเห็น:

จริยา อะละมาลา กล่าวว่า...

อยากจะปล่อยวางกับการเมือง แต่ก็สุดจะทนก็ขอใหคิดเสียว่า ...คนเมามีเวลาสร่าง คนมีอำนาจก็มีเวลาเสื่อม รอหน่อยค่ะ