วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ส่งท้ายปีเก่า-ใครควรเป็นบุคคลแห่งปี 2011 ของประเทศไทย

คณะบรรณาธิการของนิตยสารไทม์ (TIME) ตัดสินใจเลือก “The Protester” หรือ “ผู้ประท้วง” เป็น “บุคคลแห่งปี 2011” ผู้ซึ่งลุกขึ้นมาเรียกร้องความยุติธรรม ถูกต้องเป็นธรรม ประชาธิปไตย และ สิทธิของการดำรงชีวิตในวิถีที่ตนมีสิทธิจะเลือก

ที่มาของภาพ
http://www.time.com/
ในช่วงสองทศววรรษที่ผ่านมา ความเบ่งบานของกระแสประชาธิปไตยและเศรษฐกิจทุนนิยมของชาติตะวันตก ได้เข้ามาครอบงำโลก หลอกหล่อให้ประชาชนเพลิดเพลินไปกับเสรีภาพจอมปลอม และการใช้จ่ายอย่างฟุ้งเฟ้อเกินตัว มีหนี้สินล้นพ้นตัว จนละทิ้งอุดมการณ์เอาไว้เบื้องหลัง ในปี ค.ศ.2011 เริ่มเปิดศักราชแห่งการประท้วงจากประเทศอียิปต์และตูนีเซียสามารถโค่นล้มผู้นำเผด็จการได้สำเร็จอย่างไม่น่าเชื่อ  หลังจากนั้นจึงก่อให้เกิดปรากฏการณ์โดมิโน ลุกฮือต่อต้านรัฐบาลไปทั่วโลก จากตะวันออกกลาง จนแอฟริกาเหนือ ไล่จากแอลจีเรีย ซีเรีย จอร์แดน ลิเบียร์ บาห์เรน เยเมน ไปจนถึงอิหร่าน จนเกิดวลีที่เรียกว่า "Arab Spring" 

คำว่า “ผู้ประท้วง” นี้ กินความไปถึงการต่อต้าน “ทุนนิยมสุดขั้ว” ในอเมริกาที่เริ่มด้วยรูปแบบการยึดย่านวอลล์สตรีท “Occupy Wall Street” ที่ขยายตัวเป็นการยึดสถานที่ของทางการในรัฐต่างๆ ในอเมริกาอย่างกว้างขวาง เพื่อแสดงออกถึงความไม่พอใจของผู้ที่รู้สึกว่าถูกเอาเปรียบในสังคม และกติกาที่ถูกกำหนดโดยคนเพียงกลุ่มเดียว ในเม็กซิโก ผู้ประท้วงออกมาต่อต้านกลุ่มมาเฟียค้ายาเสพติดที่รัฐบาลไม่กล้าเข้าไปจัดการ ส่วนผู้ประท้วงในกรีซ ออกมารวมตัวกันเพื่อต่อต้านผู้นำทางการเมือง ที่ไร้ความรับผิดชอบต่อวิกฤติหนี้อันรุนแรง และสุดท้ายเร็วๆ นี้ ผู้ประท้วงในรัสเซีย ออกมาเดินตะโกนขับไล่การโกงการเลือกตั้งอย่างไม่อายฟ้าดินกับการผูกขาดอำนาจอยู่ในคนกลุ่มเดียว

นิตยสารไทม์ บอกว่า ประเทศที่มีการประท้วงต่างๆ เหล่านี้ มีประชากรรวมกันถึง 3 พันล้านคน หรือเรียกได้ว่าครึ่งหนึ่งของประชากรโลก นั่นย่อมมีความหมายว่า "ผู้คนจำนวนมหาศาลกำลังประกาศไม่ยอมรับกติกาเก่า พร้อมที่จะเสี่ยงภัยและเสี่ยงชีวิตเพื่อเรียกร้อง กดดัน และเผชิญหน้า เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ในสิ่งที่คนส่วนใหญ่พึงประสงค์"




ภาพผู้ประท้วงบางส่วนจากบุคคลแห่งปี 2011
ที่มา http://www.time.com/



Thailand Spring
ที่มาของภาพ
http://www.time.com/
รัฐบาลชุดปัจจุบันกำลังนำพาประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจทุนนิยมโดยปล่อยให้กองทุนข้ามชาติเข้ามาทำมาหากินอย่างเสรีในประเทศไทย เข้าครอบงำระบบเศรษฐกิจและพลังงาน ผ่านอำนาจเผด็จการเสียงข้างมากในรัฐสภา ผ่านนโยบายประชานิยม สร้างประชาชนให้เป็นหนี้สิ้น เข้าควบคุมศูนย์รวมอำนาจการปกครองและองคาพยพต่างๆ ของประเทศไทยไว้โดยสิ้นเชิง ใช้อำนาจที่มีอยู่ทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องให้กลายเป็นสิ่งที่ถูกต้อง 

รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ฯ เข้ามาบริหารประเทศตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม 2554 เป็นต้นมา เวลานี้เกือบจะ 5 เดือนแล้ว แทบจะไม่มีผลงานและคุณูปการใดๆ ให้แก่ประเทศชาติเลย มีแต่สร้างความเสียหาย และสร้างความคลางแคลงใจให้แก่ประชาชน สร้างเรื่องราวอื้อฉาวแต่การที่จะช่วย นช.ทักษิณฯ พี่ชายตนเองและพรรคพวก  การกระทำหลายอย่างของรัฐบาลส่อให้เห็นถึงการขาดความสามารถในการบริหารประเทศ  อาทิ
  • การบริหารจัดการน้ำท่วมที่ล้มเหลวและไร้ประสิทธิภาพ ตั้งแต่การจัดคนไม่เหมาะสมกับงาน มีการแบ่งกลุ่ม แบ่งพวก การแก้ปัญหาไม่เป็นไปในทางเดียวกัน ไม่ทันเวลา  แสวงโอกาสในการหาเสียง เลือกการปฏิบัติ ทุจริตคอรัปชั่นฯ  ส่งผลให้ประเทศไทยต้องเสียหายกว่า 1 ล้านล้านบาท แม้จนวันนี้ ยังไม่มีหน่วยงานใดทำการศึกษาถึงสาเหตุของการเกิดน้ำท่วมใหญ่ที่แท้จริงให้ประชาชนทราบแต่อย่างใด 
  • การโยกย้ายญาติพี่น้องตนเองมาดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. โดยใช้วิธีรังแกข้าราชการประจำ
  • ไม่สนใจเรื่องที่ประเทศไทยกำลังมีกรณีข้อพิพาทกับประเทศกัมพูชาเรื่องการสูญเสียพื้นที่ตามแนวชายแดน 4.6 ตารางกิโลเมตร แต่กลับเดินหน้ากระชับความสัมพันธ์กับประเทศกัมพูชา (อย่างผิดปกติ) นอกจากนั้น ยังไม่ยอมหาทางช่วยเหลือคนไทยที่ถูกขังอยู่ในประเทศกัมพูชาคืนกลับประเทศไทย
  • มีการประชุมลับเพื่อพิจารณา พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษ โดยจะให้เอื้อประโยชน์แก่ นช.ทักษิณ ชินวัตร ให้ได้รับการอภัยโทษด้วย จนประชาชนต้องออกมาประท้วง คัดค้านจนรัฐบาลต้องยกเลิกไป
  • มีการพยายามร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ นช.ทักษิณฯ และพรรคพวก พอถูกคัดค้านจากประชาชนก็จะเปลี่ยนชื่อเป็น พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ
  • ในสมัยรัฐบาลชุดนี้ มีเว็บไซต์ คลิบวีดิโอ เครือข่ายสังคมออนไลน์ หนังสือ เอกสาร ใบปลิว และการกระทำที่หมิ่นต่อสถาบันมหากษตริย์ เกิดขึ้นอย่างมากมายจนผิดปกติ
  • มีการการสั่งระงับการแสดงแสง สี เสียง และสื่อผสมฯ เพื่อเฉลิมพระเกียรติฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ อย่างไม่มีเหตุผล
  • มีการจงใจลงรูปผิดใน Facebook ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ฯ นายกรัฐมนตรี
  • ปล่อยให้คดีอากง ที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ขยายผลขึ้นมาเป็นการแก้ไขประมวลกฏหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งเกี่ยวกับการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ  นอกจากนั้นยังปล่อยให้ชาวต่างชาติเข้ามาแทรกแซงวิพากษ์วิจารณ์กฏหมายและขบวนการยุติธรรมของเรา โดยรัฐบาลไม่แสดงท่าทีที่ชัดเจนแต่อย่างใด ลอยตัวอยู่เหนือปัญหาจนประชาชนต้องออกมาแสดงการประท้วง ต่อต้านและคัดค้านกันเอง
  • มีการแอบออกพาสปอร์ตให้ นช.ทักษิณฯ โดยใช้อำนาจที่มีอยู่บังคับให้ข้าราชการประจำดำเนินการ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฏหมาย 
  • การเกิดสถานการณ์วางระเบิดหน้ากองสลากและทั่วเมืองอีก 3 จุดช่วงใกล้ปีใหม่ สร้างบรรยากาศให้ประชาชนขวัญผวา เสียภาพลักษณ์ในสายตาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งประชาชนก็ยังกังขาว่าเป็นเรื่องจริง หรือเป็นแค่เกมการเมือง ที่รัฐบาลจัดฉากขึ้นมา    
  • รัฐบาลไม่เคยให้ความสนใจในเรื่องที่เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพเรือที่ถูกทหารประเทศกัมพูชายิงเสียหาย และไม่พยายามที่จะทำหนังสือประท้วงหรือแสดงความเคลื่อนไหวใดๆ ที่จะปกป้องอำนาจอธิปไตยของชาติ
  • รัฐบาลไม่เคยหยิบยกประเด็นปัญหาความไม่สงบชายแดนภาคใต้ขึ้นมาหารือ หรือพิจารณาหาแนวทางแก้ไขแต่อย่างใด  ทำเหมือนกับไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่ทหาร เจ้าหน้าที่ และประชาชนต้องอยู่ในภาวะเสี่ยงอันตรายอยู่ทุกวัน
  • รัฐบาลปล่อยให้มีการจัดตั้ง "หมู่บ้านคนเสื้อแดงเพื่อประชาธิปไตย" กันอย่างแพร่หลาย โดยไม่สนใจต่อระบบการปกครองที่มีอยู่เดิม และยังมีเป้าหมายจะตั้งให้ครบ 30,000 หมู่บ้านภายใน 1 ปี ข้างหน้าอีกด้วย
  • น.ส.ยิ่งลักษณ์ฯ ขาดภูมิรู้เพียงพอที่จะอยู่ในสถานะนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ร่วมทั้งขาดความรับผิดชอบต่อเรื่องสำคัญของชาติบ้านเมืองในฐานะนายกรัฐมนตรี มักให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน โดยอ้างว่า ไม่รู้ ไม่ทราบ เป็นเรื่องของกระทรวง และผู้ที่รับผิดชอบ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ฯ ยังโกหกประชาชนจนถูกจับได้หลายครั้ง       
  • ฯลฯ
เหตุการณ์ที่สรุปมาส่อให้เห็นได้ว่า รัฐบาลไม่ค่อยให้ความสำคัญต่อความคิดเห็นของประชาชน เห็นประชาชนเป็นคนที่ไม่ค่อยฉลาด รัฐบาลอยากจะทำอะไรก็ทำได้ แล้วใครจะมาทำอะไรกับรัฐบาล? เพราะเขาถือว่าอำนาจอยู่ในมือของเขาหมดแล้ว และในปีหน้าการทุจริตคอรัปชั่นอย่างมโหฬารกำลังจะเกิดขึ้นจากจากงบฟื้นฟูและเยียวยาหลังน้ำท่วมอีกกว่า 1 ล้านล้านบาท... นึกย้อนถึงข้อความบนหน้าปกของนิตยสารไทม์ฉบับเดือนธันวาคม 2554 ที่เขียนไว้ว่า 

"From Arab Spring to Athen, From Occupy Wall street to Moscow"

ไม่แน่ว่าในปี พ.ศ.2555 (ค.ศ.2012) ข้างหน้านี้
อาจจะเกิดวลีที่เรียกว่า "Thailand Spring" ก็ได้


ใครควรเป็นบุคคลแห่งปี 2011 ของประเทศไทย
นิตยสารไทม์ จัดให้ The Protester หรือผู้ประท้วงเป็นบุคคลแห่งปี 2011  ผมจึงอยากลองเสนอความคิดเห็นดูบ้างว่า (ในทัศนะส่วนตัวนะครับ) ใครสมควรที่จะได้รับการยกย่องเป็นบุคคลแห่งปีของประเทศไทย ในปี พ.ศ.2554 (ค.ศ.2011) นี้

สถานการณ์ของประเทศไทยใน พ.ศ.2554 โดยเฉพาะในครึ่งปีหลัง ค่อนข้างล่อแหลมจากกลุ่มอำนาจที่ประสงค์จะล้มล้างสถาบันกษัตริย์และเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศไทยไปในระบอบที่ต้องการ และประเทศไทยยังต้องพบกับมหาอุทกภัยที่สร้างความเสียหายอย่างมหาศาล "บุคคลแห่งปี" ของประเทศไทยในปีนี้ ผมขอแสดงความชื่นชมและขอเสนอกลุ่มบุคคลต่างๆ เหล่านี้ ให้เป็นบุคคลแห่งปี 2011 ของประเทศไทย อันได้แก่  
  • กลุ่มบุคคลที่ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
  • กลุ่มบุคคลที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านขบวนการล้มเจ้า
  • กลุมบุคคลที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านขบวนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
  • กลุ่มบุคคลที่ออกมาตรวจสอบและต่อต้านการทุจริต คอรัปชั่น
  • กลุ่มบุคคลที่ออกมาปกป้องและต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
  • กลุมบุคคลที่ออกมาปกป้องการสูญเสียอาณาเขตของราชอาณาจักรไทยกรณีเขาพระวิหาร
  • กลุ่มเครือข่ายสังคมต่างออนไลน์ต่างๆ  ที่ออกมาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ต่อต้านขบวนการล้มเจ้า ต่อต้านระบอบทักษิณ ต่อต้านนักการเมืองชั่ว ต่อต้านการทุจริตและคอรัปชั่น
  • กลุ่มเครือข่ายสังคมออนไลน์ ที่ช่วยกันรายงานสถานการณ์น้ำท่วมได้อย่างกว้างขวาง รวดเร็ว ทันเหตุการณ์
  • กลุ่มประชาชนผู้มีจิตอาสาที่ออกมาช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัย ทั้งกำลังกายและกำลังทรัพย์
  • กลุ่มทหารจากกองทัพบก เรือ อากาศ มูลนิธิการกุศล ที่เป็นกำลังหลักและกำลังสำคัญในการช่วยเหลือและบรรเทาอุทกภัย
  • กลุ่มสื่อมวลชนและคอลัมนิสต์ (ที่ยังมีจรรยาบรรณ) ในการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร บทความ เรื่องจริงให้แก่ประชาชนได้รับทราบ รวมทั้งยังต้องเหน็ดเหนื่อยในการติดตามเฝ้ารายงานสถานการณ์น้ำท่วมให้แก่ประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา 
ขอขอบคุณกลุ่มบุคคลเหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ หากเราไม่มีกลุ่มบุคคลเหล่านี้ช่วยกันทำงาน ช่วยกันประท้วง ต่อต้าน คัดค้าน และคานอำนาจต่อรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ฯ แล้ว วันนี้ประเทศไทยยังไม่รู้ว่าจะเป็นอะไร ประชาชนอาจจะถูกต้มจนสุกแล้ว  เหมือนกับ "ทฤษฎีต้มกบ" ที่ ดร.อาทิตย์  อุไรรัตน์ กล่าวไว้ว่า........

"ชาวไอริชคนหนึ่งทำการเปรียบเทียบปฏิกิริยาตอบสนองของกบ โดยเอากบตัวหนึ่งใส่ลงไปในน้ำร้อน ปรากฏว่ามันรีบกระโดดหนีทันที รอดมาได้อย่างหวุดหวิด แต่สำหรับกบอีกตัวหนึ่งที่ถูกใส่ลงไปน้ำปกติ มันก็จะเล่นอย่างสบายใจเฉิบ แล้วเขาค่อยๆ เพิ่มความร้อนเข้าไปทีละนิดทีละหน่อย ในตอนแรก มันก็จะปรับตัวให้เข้ากับอุณหภูมิที่ร้อนขึ้น โดยไม่รู้ว่าภัยร้ายใกล้จะมาถึงตัวแล้ว และเมื่อน้ำร้อนได้ที่แล้ว มันก็กลายเป็นกบต้มสุก ไม่สามารถหนีรอดออกมาได้ กว่าจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว" (อ่านเพิ่มเติม)


รัฐบาลพยายามจะใช้อำนาจ
สร้างความถูกต้องชอบธรรมให้แก่ตนเองและพรรคพวก
แต่ผมยังมีความเชื่อว่า "ความถูกต้อง" เท่านั้นควรจะเป็นอำนาจที่แท้จริง

ในปีหน้า.. รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ฯ และนักการเมือง (ที่ไม่ค่อยดี)  จะย่ามใจมากกว่านี้ น้ำที่ต้มกบ (ประชาชนคนไทย) จะถูกเพิ่มอุณหภูมิให้สูงขึ้น

"Thailand Spring"

สุดท้ายในโอกาสส่งท้ายปีเก่า พ.ศ.2554 และต้อนรับปีใหม่ พ.ศ.2555 นี้
"ผมขอให้อาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย อำนาจแห่งพระสยามเทวาธิราช และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมทั้งพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้โปรดดลบันดาลและพระราชทานพร ให้แก่กลุ่มบุคคลต่างๆ ที่ผมกล่าวมาแล้ว จงมีอุดมการณ์ที่แน่วแน่ สติมั่นคง ปัญญาสว่างไสว มีพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์ เพื่อที่จะเป็นกำลังสำคัญในการต่อสู้กับ ใครก็ตาม? ที่ต้องการทำลายสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ อันเป็นที่รักยิ่งของพวกเรา"


***********************

ที่มาข้อมูล

1 ความคิดเห็น:

ธัญญา ศิโรรัตน์ธัญโชค กล่าวว่า...

ผมขอเสริมว่า "คุณธรรม"คือความถูกต้อง ความดีงาม ความจริงแท้ของโลก อันเป็นกฎธรรมชาติที่ศาสดาทุกศาสนาค้นพบ พิสูจน์แล้วด้วยการปฏิบัติ และประกาศสอน ไม่ใช่ความถูกต้องตามเหตุผลของนักทฤษฎีวิชาการ ศตวรรษที่ 18 ที่ชอบอ้างเหตุผลเป็นความถูกต้อง อันเป็นกฎที่มนุษย์สร้างขึ้น(ตามใจฉัน)และปฏิเสธคุณธรรม-คำสอนศาสนา