กระแสข่าวเรื่องการปลูกป่านี้ กำลังเป็นสิ่งที่หลายหน่วยงานต่างออกมาสนองตอบต่อกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อให้เป็นพื้นที่ซับน้ำ ชะลอน้ำและรักษาพื้นที่ต้นน้ำ ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทยได้น้อมนำมากำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ เพราะเป็นส่วนหนึ่งในแผนการบริหารจัดการน้ำที่ใช้เงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท
ผมรู้สึกดีใจจริงๆ ครับที่ผู้หลักผู้ใหญ่ หันมาใส่ใจในเรื่องนี้ แต่ขอให้จริงจังด้วยนะครับ อย่าเป็นเพียงไฟไหม้ฟาง การปลูกป่านี้ต้องมีการกำกับดูแลอย่างต่อเนื่องว่าป่าหรือต้นไม้ที่เราปลูกนั้นมันโต มันรอดหรือปล่าว ไม่ใช่หลังพิธีวันปลูกป่า พอสัปดาห์ต่อมา ต้นไม้ก็ตายหมด
คนรักต้นไม้ ชอบปลูกต้นไม้ นี้เป็นลักษณะนิสัยส่วนบุคคลของแต่ละคน คนพวกนี้จะรักและสนใจดูแลต้นไม้อย่างจริงจัง ดังนั้นการจะปลูกป่าให้รอด ต้องหาคนรักป่า รักต้นไม้ ทำหน้าที่คอยดูแล ยิ่งต้นไม้ใหญ่ๆ นั้นกว่าจะโต กว่าจะรอดต้องใช้เวลาหลายสิบปี ไม่ใช่เพียงแค่ชั่วข้ามคืน ระวังงบประมาณที่ใช้ในการปลูกป่าจะกลายเป็นแค่งบประมาณในการสร้างภาพไป
ในค่ายทหารและพื้นที่ฝึกของทหารตั้งแต่ผมรับราชการมาก็กว่า 20 ปีแล้ว อย่างน้อยมีกิจกรรมปลูกป่าปลูกต้นไม้ อย่างน้อยก็ปีละ 2 ครั้ง คือวันเฉลิมพระชนมพรรษาฯ ของทั้งสองพระองค์ หากวันนี้ต้นไม้ที่ปลูกทุกๆ ปีมันโตหมด ค่ายทหารและพื้นที่ฝึกของผมจะกลายเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ไปหมดแล้ว หากแต่ว่าส่วนใหญ่มันตายหมด เพราะขาดคนดูแลอย่างจริงจัง
น.ส.ยิ่งลักษณ์ฯ นายกรัฐมนตรี ยิ่งเร่งรัดให้มีการปลูกป่าในหน้าแล้งนี้ด้วย ยิ่งไปกันใหญ่ แล้วมันจะรอดไหมเนี่ย.. โปรดใช้ความรู้ที่มีและวิจารญาณหน่อยนะครับถึงความเป็นไปได้ที่มันจะรอด เสียดายงบประมาณจำนวนมาก นักการเมืองและข้าราชการทั้งหลายก็ต้องดูแลเอาใจใส่ต้นไม้ที่ปลูกอย่างจริงจัง อย่าแค่เพียงสร้างภาพ สร้างกระแส ถ่ายรูปรายงานเป็นผลงานเท่านั้น
********************
จุฑาคเชน : 19 มี.ค.2555
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น