วันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2555

ถึงเวลา "ทิ้งโรงงาน กลับสู่ท้องนา" หรือยัง

สองสามวันมานี้ ผมคิดว่ามีประเด็นสำคัญอยู่ 2 เรื่อง ที่สะท้อนให้เห็นถึงวิธีคิดของคนไทยได้เป็นอย่างดี จากเรื่อง "การพึ่งพาผู้อื่น" กับ "การพึ่งพาตนเอง"  ทั้งสองประเด็น ทำให้ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะหันมานั่งทบทวนกันว่า "อนาคตประเทศไทยจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร จะใช้เข็มทิศยี่ห้อไหนมานำทาง"

เรื่องแรก-พึ่งพาผู้อื่น
น.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องเดินทางไปพบกับนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น เพื่อสร้างความมั่นใจให้เขากลับมาลงทุนในประเทศไทยอย่างเดิม ไม่ทิ้งไม่ย้ายโรงงานและฐานการผลิตอุตสาหรรมไปยังประเทศอื่น หลังจากที่ต้องเสียหายอย่างหนักกับมหาอุทกภัยเมื่อปลายปี พ.ศ.2554 ที่ผ่านมา รัฐบาลต้องกู้งบประมาณหลายแสนล้านเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นเหล่านี้ว่า "น้ำจะไม่ท่วมอีก"

เหตุการนี้แสดงให้เห็นถึง "ประเทศไทยต้องพึ่งพานักลงทุนต่างชาติ"  ไม่อย่างนั้นบรรดาคนไทยจะพากันตกงานและไม่มีงานทำกันอีกมากนับแสนคน อัตราคนว่างงานจะสูงขึ้น ตามมาด้วยผลกระทบด้านลบเชิงเศรษฐกิจและสังคมเป็นลำดับต่อมา

เรื่องสอง-พึ่งพาตนเอง
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยคุณพิภพ ธงไชย ได้เสนอแนวทางการปฏิรูปประเทศไทยใหม่ (ในที่ประชุม พธม.เมื่อ 10 มี.ค.2555 ณ สวนลุมพินี) โดยเสนอให้น้อมนำ "พระราชดำรัส พระบรมราโชวาท และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง รวมทั้งโครงการตามแนวพระราชดำริต่างๆ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ"  มาเป็นต้นแบบในการปฏิรูปประเทศ  แล้วจัดตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศไทยขึ้นมายกร่างตามแนวทางของพระองค์ฯ ท่าน

แนวคิดเช่นนี้แสดงให้เห็นว่า ในอนาคต "ประเทศไทยควรจะพึ่งพาตนเอง ด้วยรากเหง้าที่มีอยู่คือ เกษตรกรรม"   เพราะนั่นคือสิ่งที่ในหลวงฯ ทรงสอนและทรงกระทำไว้ให้พวกเรา ได้ดู ได้เห็นเป็นตัวอย่างจำนวนมากมายหลายประการ

ถึงเวลา "ทิ้งโรงงาน กลับสู่ท้องนา" หรือยัง
ผมว่ามันคงยาก เพราะหนุ่มสาวโรงงานเหล่านี้เคยตัวกับชีวิตสมัยใหม่ไปแล้ว หากจะหวนคืนกลับสู่ท้องไร่ ท้องนา ที่เป็นรากเหง้าของตนเอง คงไม่ง่ายนัก ความหวังของหนุ่มสาวเหล่านี้ แค่ต้องการหลีกหนีจากอาชีพ "เกษตรกร" มาเป็น "พนักงานโรงงาน" "พนักงานบริษัทฯ"  "เป็นมนุษย์เงินเดือน"  พวกเขาจึงมุ่งเข้าสู่เมืองกรุงมาหางานทำเพื่อต้องการมีชีวิตที่ดีขึ้น

แต่วันหนึ่ง หากนักลงทุนต่างชาติทั้งหลาย เขาไม่กลับมาตั้งโรงงานแล้ว คงจะเป็นเวลาที่หนุ่มสาวโรงงานทั้งหลายเหล่านี้ จะต้องหวนคืนสู่ท้องไร่ ท้องนา สู้รากเหง้าของตัวเองดังเดิม 

"ในน้ำยังมีปลา ในนายังมีข้าว และกำลังรอพวกเจ้าอยู่"  

ในหลวงฯ ทรงสอนให้พวกเรารู้จักการพึ่งพาตนเอง รู้จักความพอเพียง รู้จักรากเหง้าของตนเอง  มานมนานแล้ว แต่ไม่มีใครเชื่อฟังและน้อมนำมาปฏิบัติฯ แม้แต่รัฐบาลปัจจุบันของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ฯ เอง ก็ปฏิบัติสวนทางอย่างสิ้นเชิง 

ประเทศไทยจะรอดพ้นจากการล่าอาณานิคมทางเศรษฐกิจของบรรดาเหล่านายทุนสามาลย์ข้ามชาติได้นั้น เราต้องใช้เข็มทิศที่ชื่อว่า "ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" มานำทางและสร้างภูมิคุ้มกันให้ประเทศไทย    


******************
จุฑาคเชน : 11 มี.ค.2555

ไม่มีความคิดเห็น: