ผมกำลังจัดเอกสารที่วางระเกะระกะอยู่บนโต๊ะทำงาน เก็บไปเก็บมาเจอ นิทานชวนคิดของการศึกษาไทย เรื่องนี้ จึงนำมาเขียนลงไว้ใน Blog ผมจำไม่ได้ว่า อาจารย์ท่านใดเป็นคนให้ผม ตอนขณะเรียนหนังสือ ซึ่งพออ่านจบ อาจารย์ก็จะให้นักศึกษาแต่ละคนวิเคราะห์นิทานเรื่องนี้ให้ฟังด้วย เรื่องราวมีอยู่ว่า
ด๊อกเตอร์หนุ่มทางการศึกษาคนหนึ่ง ว่าจ้างเรือโดยสารให้ไปส่งข้ามฟาก เมื่อเรือเริ่มเคลื่อนออกจากฝั่ง ลุงแก่ๆ ซึ่งเป็นคนแจวเรือก็เป็นฝ่ายชวนคุย
“ดูท่าทางของหลานแล้ว คงเรียนมาสูงนะ เพราะหอบหนังสือกองโตทีเดียว”
“ผมจบปริญญาเอกจากเมืองนอกมาครับ และตอนนี้กำลังทำหน้าที่วางแผนทางการศึกษาให้กับประเทศไทยของเรา” ด๊อกเตอร์หนุ่มตอบ ในขณะที่ลุงแสดงสีหน้าชื่นชมและรู้สึกเคารพนับถือในวิชาความรู้ของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้าม
“พวกชาวบ้านอย่างลุงนี่คงโง่มากเมื่อเทียบกับหลาน ว่าแต่พวกที่เขาเรียนกันสูงๆ และใช้เวลาเรียนตั้งหลายปีอย่างหลานนะ เขาเรียนอะไรกันบ้างเหรอ”
“มันตอบยากนะลุง เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ลุงเคยเรียนปรัชญาการศึกษาไหมล่ะ”
“ลุงไม่รู้หรอกว่าไอ้ปรัชญาการศึกษาน่ะ มันคืออะไร”
“โอ..นี่แสดงว่าชีวิตของลุงได้หมดไปครึ่งหนึ่งแล้ว” ด๊อกเตอร์หนุ่มอุทาน เขาไม่คิดว่าจะได้ยินคำตอบเช่นนี้
“ลุงเคยเรียนประวัติศาสตร์สากลไหม”
“ไม่เคย ลุงรู้จักแต่ประวัติหมู่บ้านของตัวเอง”
“โอ..ชีวิตของลุงเหลือเพียงอยู่เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น” ด๊อกเตอร์หนุ่มอุทานอีกเป็นคำรบสอง ยังผลให้สีหน้าของลุงเริ่มสลดลง เพราะรู้สึกตัวเองว่าช่างด้อยค่าเหลือเกินเมื่อเทียบกับ ด๊อกเตอร์หนุ่ม
“ถ้าอย่างนั้น ลุงเคยเรียนวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ไหม”
“ลุงก็ไม่รู้จักมันอีกเหมือนกันนั่นแหละ” ลุงรู้สึกอับอายที่จะตอบ “ลุงเคยเรียนแต่วิชาทำไร่ ไถนา แจวเรือจ้าง และดูความเปลี่ยนแปลงของลมฟ้าอากาศ”
“โอ...ชีวิตของลุงเหลืออยู่เพียงเศษเสี้ยวเท่านั้น” ด๊อกเตอร์หนุ่มส่ายหัวกับคำตอบที่ได้รับ
ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม ในขณะที่เรืออยู่กลางแม่น้ำ เสียงกรีดร้องของกระแสลม บอกให้ลุงรู้ว่าพายุฝนกำลังจะมา ลำเรือถูกซัดให้โคลงเคลงไปตามกระแสคลื่นที่เริ่มรุนแรงมากขึ้นๆ ด๊อกเตอร์หนุ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาในส่วนลึกของจิตใจ
“หลานเคยเรียนวิชาว่ายน้ำไหม” คำถามของลุงบอกให้รู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น
“ผมไม่เคยเรียนเลยครับ” ด๊อกเตอร์หนุ่มตอบด้วยสีหน้าซีดเผือด
“หลานเอ๋ย..ชีวิตของหลานกำลังจะจบจง จนไม่เหลืออะไรแล้ว”
ด๊อกเตอร์หนุ่มทางการศึกษาคนหนึ่ง ว่าจ้างเรือโดยสารให้ไปส่งข้ามฟาก เมื่อเรือเริ่มเคลื่อนออกจากฝั่ง ลุงแก่ๆ ซึ่งเป็นคนแจวเรือก็เป็นฝ่ายชวนคุย
“ดูท่าทางของหลานแล้ว คงเรียนมาสูงนะ เพราะหอบหนังสือกองโตทีเดียว”
“ผมจบปริญญาเอกจากเมืองนอกมาครับ และตอนนี้กำลังทำหน้าที่วางแผนทางการศึกษาให้กับประเทศไทยของเรา” ด๊อกเตอร์หนุ่มตอบ ในขณะที่ลุงแสดงสีหน้าชื่นชมและรู้สึกเคารพนับถือในวิชาความรู้ของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้าม
“พวกชาวบ้านอย่างลุงนี่คงโง่มากเมื่อเทียบกับหลาน ว่าแต่พวกที่เขาเรียนกันสูงๆ และใช้เวลาเรียนตั้งหลายปีอย่างหลานนะ เขาเรียนอะไรกันบ้างเหรอ”
“มันตอบยากนะลุง เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ลุงเคยเรียนปรัชญาการศึกษาไหมล่ะ”
“ลุงไม่รู้หรอกว่าไอ้ปรัชญาการศึกษาน่ะ มันคืออะไร”
“โอ..นี่แสดงว่าชีวิตของลุงได้หมดไปครึ่งหนึ่งแล้ว” ด๊อกเตอร์หนุ่มอุทาน เขาไม่คิดว่าจะได้ยินคำตอบเช่นนี้
“ลุงเคยเรียนประวัติศาสตร์สากลไหม”
“ไม่เคย ลุงรู้จักแต่ประวัติหมู่บ้านของตัวเอง”
“โอ..ชีวิตของลุงเหลือเพียงอยู่เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น” ด๊อกเตอร์หนุ่มอุทานอีกเป็นคำรบสอง ยังผลให้สีหน้าของลุงเริ่มสลดลง เพราะรู้สึกตัวเองว่าช่างด้อยค่าเหลือเกินเมื่อเทียบกับ ด๊อกเตอร์หนุ่ม
“ถ้าอย่างนั้น ลุงเคยเรียนวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ไหม”
“ลุงก็ไม่รู้จักมันอีกเหมือนกันนั่นแหละ” ลุงรู้สึกอับอายที่จะตอบ “ลุงเคยเรียนแต่วิชาทำไร่ ไถนา แจวเรือจ้าง และดูความเปลี่ยนแปลงของลมฟ้าอากาศ”
“โอ...ชีวิตของลุงเหลืออยู่เพียงเศษเสี้ยวเท่านั้น” ด๊อกเตอร์หนุ่มส่ายหัวกับคำตอบที่ได้รับ
ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม ในขณะที่เรืออยู่กลางแม่น้ำ เสียงกรีดร้องของกระแสลม บอกให้ลุงรู้ว่าพายุฝนกำลังจะมา ลำเรือถูกซัดให้โคลงเคลงไปตามกระแสคลื่นที่เริ่มรุนแรงมากขึ้นๆ ด๊อกเตอร์หนุ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาในส่วนลึกของจิตใจ
“หลานเคยเรียนวิชาว่ายน้ำไหม” คำถามของลุงบอกให้รู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น
“ผมไม่เคยเรียนเลยครับ” ด๊อกเตอร์หนุ่มตอบด้วยสีหน้าซีดเผือด
“หลานเอ๋ย..ชีวิตของหลานกำลังจะจบจง จนไม่เหลืออะไรแล้ว”