วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2554

งานสีสันสงกรานต์ราชบุรี ครั้งที่ 1 - ททท.จะทำให้ราชบุรีเป็นอะไร

ททท.สำนักงานเพชรบุรี, สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดราชบุรี, เทศบาลเมืองราชบุรี, จังหวัดราชบุรี และชมรมธุรกิจการท่องเที่ยวราชบุรี ได้ร่วมกันจัดงาน "สีสันสงกรานต์ราชบุรี ครั้งที่ 1" ขึ้น ในระหว่างวันที่ 13-17 เม.ย.2554 ระหว่างเวลา 15:00-17:00 น. ณ บริเวณ ถ.วรเดช ริมแม่น้ำแม่กลอง อ.เมือง จ.ราชบุรี

ผมได้อ่านแนวคิดจากหนังสือประชาสัมพันธ์งานนี้  ทาง ททท.ฯ  เขาบอกว่า ราชบุรี คือ เมืองแห่งศิลปะร่วมสมัย จึงได้ตั้งชื่อแคมเปญงานนี้ว่า "ราชบุรีฟรีสไตล์" โดยสีสันสงกรานต์ราชบุรี ครั้งนี้จะมีการใช้ดินสอพองผสมสีจากธรรมชาติ (ซึ่งเป็นสีที่ไม่อันตราย) เช่น ขมิ้น อัญชัน ใบเตย แม่ย่านาง กระเจี๊ยบ ใช้สาดใส่กันหรือปะกัน โดยผู้จัดงานจะจัดเตรียมไว้ขาย รายได้จะนำไปบริจาคให้วัดต่างๆ ในราชบุรี

การเล่นสงกรานต์ปัจจุบันที่เขตเทศบาลเมืองราชบุรี ก็เรียกว่าค่อนข้างจะส่อไปในทางละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอยู่แล้ว  เช่น การสาดน้ำใส่ผู้ที่ไม่ต้องการเล่นสงกรานต์ การลวนลามสตรีโดยการปะแป้งถูกเนื้อต้องตัว การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขณะเล่น การเต้นแร้งเต้นกา เต้นโคโยตี้ บนรถบ้าง หน้าบ้านบ้าง ริมถนนบ้าง แต่งตัวโป๊วๆ แบบไม่อายฟ้าอายดิน  มันแทบจะไม่หลงเหลือวัฒนธรรมการเล่นสงกรานต์ที่ดีงามแบบสมัยก่อนอยู่แล้ว...

นี่ ททท.ยังมาเติมประเพณีสงกรานต์ของราชบุรีเราให้เป็น "ราชบุรีฟรีสไตล์" อีก
แสดงว่าฟรีสไตล์ทำอะไรก็ได้อย่างนั้นหรือ....
นอกจากนั้นยังส่งเสริมให้มีการใช้สีมาปะมาป้ายกันอีก
แสดงว่าการใช้สีมาปะหน้าทาตัวกันกลายเป็นสิ่งที่ดีงามไปแล้วหรือ  แถมผู้หลักผู้ใหญ่ในจังหวัดราชบุรี หลายหน่วยงานยังเสนอหน้าเป็นคนจัดงานอีก แทนที่จะรณรงค์ให้คนเล่นน้ำสงกรานต์ด้วยวัฒนธรรมอันดีงาม
 
ททท.กำลังจะทำให้ราชบุรีเป็นอะไร 
ยิ่งดูภาพที่ใช้จัดทำโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์แล้ว ผมรู้สึกหดหู่ใจ เพราะมันเป็นภาพวัยรุ่นผู้หญิงที่ใส่กางเกงขาสั้น  ซึ่งภาพเหล่านี้ไม่สมควรที่จะมาใช้เป็นสื่อการประชาสัมพันธ์  ใครใครดูก็รู้ว่ามันไม่เหมาะสม (นี่หากกระทรวงวัฒนธรรมมาร่วมจัดงานนี้ด้วย ยิ่งหนักไปกันใหญ่เลย)  การใช้ภาพเช่นนี้สุ่มเสี่ยงต่อการเลียนแบบทางวัฒนธรรมการแต่งตัว


 

ใครๆ เห็นเขาก็จะวาดภาพราชบุรีของเราเป็นอย่างไร
แถมที่ใต้ภาพยังมี LOGO ของจังหวัดราชบุรี, ททท.และหน่วยงานต่างๆ  เป็นการันตีของความเหมาะสมอยู่ด้วย...น่าสงสารจริงๆ  

ผมขอขอบคุณ ททท.สำนักงานเพชรบุรี ที่หวังดีจะให้คนมาเที่ยวที่บ้านของผม...แต่ท่านไม่น่าเอาราชบุรีของผมไปขายอย่างนี้เลย...ราชบุรีคือเมืองของพระราชา นะครับ ไม่ใช่เมืองพัทยา (ที่ท่านเคยสร้างจนไม่เหลืออะไรที่เป็นไทยให้เที่ยวอีกแล้ว)....ไม่ทราบว่า ททท.กำลังคิดอะไรอยู่... 

จุฑาคเชน : 28 มี.ค.2554

ตีพิมพ์ใน น.ส.พ.สู่ชนบท ปีที่ 22 ฉบับที่ 383 ประจำเดือนเมษายน พุทธศักราช 2554 หน้า 3

 
 
 
 

วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2554

วิงวอนสมาชิกรัฐสภา ลงมติไม่รับรอง JBC

เมื่อค่ำวานนี้ (23 มี.ค.2554) ผมได้ฟัง อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ ทาง ASTV ท่านได้ขอร้องให้ผู้ที่ร่วมชุมนุม และผู้ชมที่อยู่ทางบ้าน ช่วยกันกระจายข่าวให้ประชาชนออกมาคัดค้านการลงมติรับรองบันทึกการประชุมของคณะกรรมการชายแดนร่วมไทย-กัมพูชาหรือ JBC ทั้ง 3 ครั้ง  ซึ่งรัฐบาลจะเสนอเพื่อให้ฝ่ายนิติบัญญัติอันได้แก่รัฐสภาไทยรับรองให้ความเห็นชอบ ในการประชุมวันที่ 25 มี.ค.2554 คือวันพรุ่งนี้ และในวันนี้อาจารย์ปานเทพฯ ก็ได้เขียนไว้ในบทความตอนหนึ่งว่า

"....ขอวิงวอนจากท่านสมาชิกรัฐสภาทุกท่านได้โปรดแก้ไขวิกฤติการณ์ครั้งนี้ โดยการลงมติไม่รับรองบันทึกผลการประชุม JBC ทั้ง 3 ฉบับ หากท่านสมาชิกรัฐสภาให้ความเห็นชอบในบันทึกผลการประชุมนอกจากจะต้องถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ชั่วลูกชั่วหลานว่าท่านได้ให้ความเห็นชอบในบันทึกผลการประชุมที่อัปยศและสร้างความเสียหายต่อประเทศชาติแล้ว ท่านก็อาจจะต้องถูกดำเนินคดีอาญาที่ทำให้ดินแดนไทยส่วนใดส่วนหนึ่งตกอยู่ภายใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐกัมพูชาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 119, 120, 157 ซึ่งมีโทษสูงสุดคือจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต...."

นอกจากนั้น ศ.ดร. สมปอง สุจริตกุล ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายระหว่างประเทศ ทนายประสานงานคดีปราสาทพระวิหาร พ.ศ. ๒๕๐๒-๒๕๐๕ ท่านได้เขียนในบทความตอนหนึ่งไว้ว่า

"ในระยะหัวเลี้ยวหัวต่อซึ่งฝ่ายบริหารกำลังจะเสนอรายงานของ JBC ไทย-กัมพูชา เพื่อให้ฝ่ายนิติบัญญัติอันได้แก่รัฐสภาไทยรับรองให้ความเห็นชอบนั้น ข้าพเจ้าขอตั้งข้อสังเกตว่า เอกสารดังกล่าวได้ซ่อนเงื่อนงำอันจะนำมาซึ่งความสูญเสียอย่างร้ายแรงของประเทศชาติ โดยสุ่มเสี่ยงต่อการหยิบยื่นดินแดนไทยทั้งหมดในบริเวณเขาบรรทัด ซึ่งกำหนดให้เส้นสันปันน้ำเป็นเส้นแบ่งเขตธรรมชาติตามความตกลงระหว่างไทยกับฝรั่งเศสในอนุสัญญา ค.ศ. ๑๙๐๔ และได้มีการยืนยันโดยสนธิสัญญา ค.ศ. ๑๙๐๗"
(อ่านเพิ่มเติม
จุดยืนที่เหนือกว่า)

นอกจากนั้นยังมีผู้ทรงคุณวุฒิ และนักวิชาการ (เก่งๆ และเป็นที่เลื่อมใสศรัทธา) อีกหลายท่าน ได้ออกมาช่วยกันย้ำในเรื่องนี้...เตือนรัฐบาลว่าไม่ควรทำ...ผมเห็นด้วยครับและอยากจะช่วยกระจายข่าวนี้ ไปให้ไกลและกว้างที่สุด อย่าปล่อยให้นักการเมืองเหล่านี้ นำพาประเทศไทยของเราไปเสียดินแดนแก่ประเทศกัมพูชา เพียงเพื่อแลกกับผลประโยชน์ของตนและพรรคการเมือง  โดยไม่ฟังและคำนึงถึงเสียงคัดค้านของประชาชน

ช่วยกันย้ำเตือนว่า "การที่ท่านได้รับเลือกตั้งไปแล้ว ไม่ได้หมายความว่า ท่านจะทำอะไรได้ทุกอย่าง"

ผมก็ไม่รู้จะไปบอกกับใคร
เพราะคนส่วนใหญ่ที่อยู่รอบๆ ตัวผม ไม่มีใครสนใจเรื่องราวเหล่านี้เลย พูดไปก็คงไม่รู้เรื่อง คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับเขาพระวิหารและการสุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดนครั้งนี้อีกเป็นจำนวนมาก เพราะคนไทยขาดความสนใจ ด้วยเหตุนี้  ประเทศไทยจึงตกเป็นเหยื่อในการสร้างอิทธิพลและความร่ำรวยของนักการเมืองมาหลายยุคหลายสมัยตามที่เราเห็นๆ กันอยู่

ผมคิดว่า คนไทยยังเป็นเพียงแค่ "ประชาชน" ไม่ใช่ "พลเมือง" เพราะหากเป็นพลเมืองแล้ว จะมีปัญญาความรู้ และพละกำลังต่อต้านกับการกระทำที่ไม่ถูกต้องได้  แต่วันนี้ ประชาชนคนไทย กลับมีวัฒนธรรมของการไม่สนใจใยดี หรือที่เรียกว่า "ธุระไม่ใช่"

"ประชาธิปไตย คือ ผลประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่  ไม่ใช่ ประชาชนเป็นใหญ่ เพราะประชาชนนั้นอาจจะบ้าๆ บอๆ ก็ได้" (พุทธทาสภิกขุ)

วันหนึ่ง นายกรัฐมนตรีที่ชื่อ ชวน หลีกภัยและพวก ก็ทำเรื่อง MOU 2543 เอาไว้ให้พวกเราแก้ ต่อมาก็มีบันทึก JBC อีก 3 ฉบับ และวันนี้ นายกรัฐมนตรีที่ชื่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและพวก ก็กำลังจะทำให้มันถูกรับรอง ซึ่งหลายคนก็ออกมาส่งเสียงคัดค้านว่ามันจะทำให้เราเสียดินแดนฯลฯ

แต่หลังจากนั้นอีกไม่นาน ต้นเดือน พ.ค.54 ท่านนายกอภิสิทธิ์ฯ ก็ยุบสภา เลือกตั้งกันใหม่ ได้นายกฯ คนใหม่ ได้รัฐบาลใหม่....แล้วปัญหาเขาพระวิหารที่ท่านทิ้งเอาไว้ ใครจะเป็นคนรับผิดชอบ..วงจรอุบาทว์ก็เป็นเช่นนี้ตลอดไป

หลายคนไม่มีโอกาสที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อท่านเมื่อมีโอกาสแล้วควรบริหารประเทศชาติให้ดีที่สุด คำนึงประโยชน์ของชาติเป็นหลัก....การตัดสินและกระทำเรื่องราวใดๆ ล้วนมีผลต่ออนาคตของประเทศไทยทั้งสิ้น...

ผมคิดว่า ท่านนายกอภิสิทธิ์ฯ ลองบินออกมานอกทำเนียบอยู่กับฝูงนกอื่นๆ ดูบ้าง แล้วท่านจะรู้ว่า นกที่อยู่ในทำเนียบนั้น ล้วนแต่เป็นนกที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประโยชน์ส่วนรวมแทบทั้งสิ้น

ใน 1 วันที่เหลือนี้ สิ่งที่ผมสามารถทำได้ ก็คือ
  • กระจายข่าวนี้ไปทางช่องทางการสื่อสารต่างๆ ของผม เช่น โทรศัพท์, อีเมล์, facebook, Twiiter,  Blog ,website, gotoknow เพื่อให้ประชาชนคนไทยช่วยกันออกมาคัดค้านและขอร้องท่านสมาชิกรัฐสภา ลงมติไม่รับรอง JBC ทั้ง 3 ฉบับ
  • และอยากให้ทุกคนที่อ่านเรื่องนี้แล้ว กระจายข่าวออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ตามช่องทางการสื่อสารของท่านเองที่มีอยู่
"บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ ปกบ้านป้องเมืองคุ้มเหย้า เสียเลือดเสียเนื้อมิใช่เบา หน้าที่เรารักษาสืบไป"

จุฑาคเชน : 24 มี.ค.2554

อ่านเพิ่มเติม : 33 ประเด็น ถาม-ตอบ ราชอาณาจักรไทยกำลังจะเสียดินแดน