ผมไม่นึกเลยว่า รัฐบาลจะกล้ากระทำเยี่ยงนี้ได้ นำเงินกู้จำนวน 7,700 ล้านบาท มาแจกเป็นเงินกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ทั่วประเทศ 77 จังหวัด เฉลี่ยจังหวัดละ 100 ล้านบาท
คณะรัฐมนตรีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีมติ เมื่อ 31 มกราคม 2555 เห็นชอบจัดตั้ง "กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ" และมีการประกาศบังคับใช้ในราชกิจจานุเบกษาตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2555 เป็น "ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี พ.ศ.2555"
ก่อนหน้านี้ เครือข่ายสตรี องค์กรด้านการพัฒนาสตรี หน่วยงานที่ทำงานด้านสตรี ตลอดจนประธานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย(นายคณิต ณ นคร) ได้พยายามนำเสนอข้อคิดเห็นที่แตกต่าง เพื่อขอให้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดตั้งกองทุนดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่สุ่มเสี่ยงต่อการเพิ่มภาระหนี้สินให้กับประเทศและประชาชน
สรุปความเห็นที่น่าสนใจจากองค์กร หน่วยงาน และประชาชนที่เกี่ยวข้องทั้งโดยทางตรงและทางอ้อมกับเงินกองทุน 7,700 ล้านบาท ซึ่งท่านบรรณาธิการเว็บไซต์ไทยโพสต์ออนไลน์ เขียนเอาไว้เมื่อ 27 ก.พ.2555 ได้แก่
- การดำเนินนโยบายใดๆ ของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณจำนวนมาก พึงตราเป็นพระราชบัญญัติ ไม่สมควรกำหนดเป็นเพียงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
- ที่มาของเงินที่ตั้งเป็นกองทุนส่วนหนึ่งจะมาจากการกู้ยืม จึงเป็นเพิ่มภาระหนี้สินอย่างไม่จำเป็น เพราะในขณะนี้มีช่องทางขององค์กรและสถาบันการเงินจำนวนมากที่สามารถจัดให้ผู้หญิงที่มีความยากลำบากในพื้นที่ต่างๆ ได้กู้ยืมเงินอยู่หลายช่องทางอยู่แล้ว
- ลักษณะการตั้งกองทุนและการบริหารกองทุนพัฒนาสตรีนี้ มีแบบอย่างจากกองทุนหมู่บ้าน ซึ่งปรากฏการสำรวจและวิจัยผลงานวิชาการหลายแห่งว่าประสบความสำเร็จเพียง 10% ในขณะที่เป็นการสร้างหนี้ให้กับประชาชนมากกว่า
- การจัดสรรกองทุนไม่ได้เป็นไปตามนโยบายบริหารราชการแผ่นดินว่าด้วยเรื่องการพัฒนาบทบาทสตรีที่รัฐบาลได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2554 ที่ระบุว่า..สนับสนุนบทบาทของสตรีไทยในการมีส่วนร่วมพัฒนาประเทศ ปกป้องสิทธิสตรี
- กระบวนการของการจัดการบริหารกองทุนไม่มีความชัดเจน แทนที่จะเป็นไปตามหลักการ "ทั่วถึงและเท่าเทียม" แต่กลับสร้างช่องว่างให้ผลประโยชน์ตกอยู่กับสตรีเฉพาะกลุ่มที่มาขึ้นทะเบียนเป็นสมาชิกกองทุนเท่านั้น
- กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีถือเป็นนโยบายสาธารณะตามที่รัฐบาลได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา แต่ภาคประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเครือข่ายองค์กรสตรีและกลุ่มสตรีทั่วประเทศ กลับไม่มีส่วนร่วมในกระบวนการจัดทำนโยบายนี้ รวมถึงการดำเนินการจัดตั้งกองทุนดังกล่าว
ชัดเจน ทั้ง 6 ข้อครับ แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ฯ ไม่ฟังหรอกครับ เพราะนี่คือการสร้างกลุ่มฐานเสียงใหม่ของพรรคเพื่อไทย แค่วัตถุประสงค์ข้อแรกของกองทุนที่ชัดเจนมากๆ ก็คือ "เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนดอกเบี้ยต่ำสำหรับการลงทุน การพัฒนาอาชีพ การสร้างโอกาสในการทำงาน และสร้างรายได้" ส่วนข้ออื่นๆ ก็เขียนไว้ประดับให้ดูดีเท่านั้น หากพวกเราตามไม่ทันแล้ว กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีนี้ อาจจะเป็นแหล่งสะสมการโกงกิน และคอรัปชั่นเชิงนโยบาย เป็นการลงทุนทางการเมืองของรัฐบาลเพื่อคะแนนเสียงของตนเอง โดยไม่ต้องลงทุนควักกระเป๋าตัวเองแม้แต่บาทเดียว และที่น่าเสียใจคือ ส่งเสริมการสั่งสมหนี้สินให้ประชาชน มากกว่าการสนับสนุนให้เรียนรู้พึ่งพาตนเองแบบพอเพียง
กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัด จังหวัดละ 100 ล้านบาทนี้ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยเลยครับ หากรัฐบาลลองมองแบบใจกว้างๆ แบ่งย่อยออกมาตั้งเป็นกองทุนพัฒนาเด็กและเยาวชนของจังหวัด กองทุนพัฒนากีฬาของจังหวัด กองทุนพัฒนาการศึกษาของจังหวัดบ้าง สักกองทุนละ 20-30 ล้าน ผมว่าเงินก้อนนี้น่าจะมีประโยชน์มากขึ้นกว่าเดิม
พรรคเพื่อไทย ทำไมถึงชนะการเลือกตั้งทุกครั้ง ก็เพราะวิธีการสกปรกอย่างนี้เองคือ "นำเงินหลวงมาหาเสียงผ่านทางนโยบาย โดยไม่ต้องควักเงินของตัวเอง" อย่างนี้เขาเรียกว่า "ไร้ยางอาย" เงินจำนวน 7,700 ล้านบาท เป็นหนี้ของคนไทยทุกคนต้องช่วยกันแบกรับภาระ แต่ดันกลับเอาไปให้กลุ่มสตรีเพียงไม่กี่คนใช้จ่ายและบริหาร เพราะข้อจำกัดที่ไม่เป็นสาธารณะก็คือ สตรีที่จะใช้ประโยชน์จากกองทุนนี้ต้องสมัครเป็นสมาชิกของกองทุน แสดงว่ามันไม่ใช่เพื่อสตรีทุกคนในประเทศไทย แต่เพื่อสตรีที่ต้องมาสมัครเป็นสมาชิก เพื่อแสดงตัวตนเป็นกลุ่มเป็นพรรคพวกของตัวเอง แล้วอย่างนี้จะยุติธรรมหรือ
หลายคนมองเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นแล้ว หลังจากที่มีการเปิดรับสมัครสมาชิกกองทุน
กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัด จังหวัดละ 100 ล้านบาทนี้ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยเลยครับ หากรัฐบาลลองมองแบบใจกว้างๆ แบ่งย่อยออกมาตั้งเป็นกองทุนพัฒนาเด็กและเยาวชนของจังหวัด กองทุนพัฒนากีฬาของจังหวัด กองทุนพัฒนาการศึกษาของจังหวัดบ้าง สักกองทุนละ 20-30 ล้าน ผมว่าเงินก้อนนี้น่าจะมีประโยชน์มากขึ้นกว่าเดิม
พรรคเพื่อไทย ทำไมถึงชนะการเลือกตั้งทุกครั้ง ก็เพราะวิธีการสกปรกอย่างนี้เองคือ "นำเงินหลวงมาหาเสียงผ่านทางนโยบาย โดยไม่ต้องควักเงินของตัวเอง" อย่างนี้เขาเรียกว่า "ไร้ยางอาย" เงินจำนวน 7,700 ล้านบาท เป็นหนี้ของคนไทยทุกคนต้องช่วยกันแบกรับภาระ แต่ดันกลับเอาไปให้กลุ่มสตรีเพียงไม่กี่คนใช้จ่ายและบริหาร เพราะข้อจำกัดที่ไม่เป็นสาธารณะก็คือ สตรีที่จะใช้ประโยชน์จากกองทุนนี้ต้องสมัครเป็นสมาชิกของกองทุน แสดงว่ามันไม่ใช่เพื่อสตรีทุกคนในประเทศไทย แต่เพื่อสตรีที่ต้องมาสมัครเป็นสมาชิก เพื่อแสดงตัวตนเป็นกลุ่มเป็นพรรคพวกของตัวเอง แล้วอย่างนี้จะยุติธรรมหรือ
หลายคนมองเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นแล้ว หลังจากที่มีการเปิดรับสมัครสมาชิกกองทุน
กองทุนนี้ แท้จริงแล้วคือ "กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี (เสื้อแดง)"
เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณที่เป็นฐานเสียงสนับสนุนพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด
แล้วทำไม? ต้องให้ประชาชนคนไทยทุกคน
แล้วทำไม? ต้องให้ประชาชนคนไทยทุกคน
แบกรับภาระหนี้เงิน 7,700 ล้านบาทนี้
ให้พวกท่าน....เอาไปปรนเปรอพรรคพวกท่านกันเอง
***********************
จุฑาคเชน : 29 ก.พ.2555