วันนี้วันเสาร์ที่ 25 ก.ย.2553 ซึ่งพรุ่งนี้ (26 ก.ย.2553) จะเป็นวันเลือกตั้งของท้องถิ่นเทศบาลเมืองราชบุรี โดยในครั้งนี้มีผู้สมัครเป็นนายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี ถึง 5 คน (เลือกตั้งรวมทุกเขต) เลือกได้ 1 คน และมีกลุ่มการเมืองของผู้สมัครนายกฯ สมัครเป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองราชบุรี (สท.) ถึง 3 กลุ่ม แบ่งการเลือกตั้ง ออกเป็น 3 เขตเลือกได้เขตละ 6 คน
ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง นายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี มีจำนวน 26,621 คน
ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง สท.ในเขต 1 จำนวน 9,159 คน
ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง สท.ในเขต 2 จำนวน 8,704 คน
ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง สท.ในเขต 3 จำนวน 8,758 คน
มีกระแสข่าวมาตั้งแต่ต้นเดือน ก.ย.53 แล้วว่ามีการแจกเงินซื้อเสียงให้แก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เริ่มตั้งแต่หัวละ 1,000 บาท และขยับขึ้นมาเรื่อยๆ ถึงวันนี้แล้ว มีข่าวถึง 1,500-2,000 บาท ซึ่งก็ไม่มีใครทราบและยืนยันได้ว่าเท่าไหร่กันแน่ แต่ก็มีหัวคะแนนของแต่ละกลุ่ม จดรายชื่อไปตั้งนานแล้ว
สมมติว่ามีการจ่ายเงินซื้อสิทธิ์จริงๆ โดยมีข้อแม้ว่าต้องเลือกนายกและ สท.ในกลุ่มแบบยกทีม สมมติว่าจ่ายหัวละ 1,000 บาท ซึ่งอย่างน้อยผู้ที่จะได้รับเลือกเป็นนายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี แต่ละคนต้องมีคะแนนขั้นต่ำ 5,000 คะแนนถึงจะเป็นผู้ชนะ ลองคูณกันดูนะครับว่าเป็นเงินเท่าใด
5,000 คน X 1,000 บาท เป็นเงิน 5,000,000 บาท (ห้าล้านบาท)
เงินจำนวนนี้ คนอย่างพวกเราๆ มันเรียกว่าเยอะมากมาก แต่เพื่อแลกกับตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองราชบุรีในอีก 4 ปีข้างหน้านั้น เป็นเงินที่ไม่ได้มากมายอะไรเลย อย่างนี้เขาจึงเรียกว่า "ธุรกิจการเมือง"
ลงทุนด้วยเงิน ได้มาซึ่งตำแหน่ง และก็ถอนทุนคืน แล้วยังได้กำไรตามมาอีก อย่างนี้เขาเรียกว่าได้ทั้งกล่อง ได้ทั้งเงิน
สมัยนี้ ไม่มีใครกล้าลงทุนขนาดนี้ เพียงเพื่ออุดมการณ์ที่ต้องการจะทำงานให้ชาติบ้านเมืองหรอกครับ !
มันเป็นเรื่องตรรกกะง่ายๆ
มาถึงความคิดที่ว่า "ให้เงินมา กาเบอร์อื่น" มันเป็นความคิดที่ถูกหรือผิด
ผมลองถามสมาชิกในครอบครัวของผม ส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นความคิดที่ถูกต้อง คือให้เงินมาก็รับไว้ก่อน ให้สองเบอร์ก็รับสองเบอร์เลย แต่จะเลือกหรือไม่นั้น เป็นคนละเรื่องกัน แต่ผมกลับเห็นว่า เป็นความคิดที่ไม่ถูก ความคิดของผมก็คือ "ไม่รับเงินตั้งแต่ต้นเลย แล้วเราจะเลือกใครก็ตามแต่ใจของเรา" เหตุผลต่างๆ นาๆ ก็ถูกหยิบยกขึ้นมาถกเถียงกันในครอบครัว ซึ่งต่างคนต่างก็มีเหตุผลของตนเอง
หลังที่ถกเถียงกันพอสมควร ผมก็มีข้อสังเกตอยู่ว่า ความคิดของคนรุ่นใหม่อย่างลูกสาว (ม.6-โรงเรียนชื่อดัง ยังไม่มีสิทธิเลือกตั้ง) และลูกชายของผม (ปี 2-มหาวิทยาลัยชื่อดัง เพิ่งมีสิทธิ์เลือกตั้งครั้งแรก) ยังมีความเห็นว่า ให้เงินมาก็รับไว้ก่อน แต่จะเลือกหรือไม่เป็นคนละเรื่องกัน นั้น
หากความคิดของคนรุ่นใหม่เป็นอย่างนี้ น่าจะสะท้อนให้เห็นกระแสสังคมไทยในปัจจุบันได้ดี รวมทั้งสะท้อนถึงการจัดการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนของเราว่า เราสอนให้เด็กมีความซื่อสัตย์ สุจริต มีคุณธรรมจริยธรรม และรักประชาธิปไตย จริงตามที่กล่าวไว้หรือไม่ และที่สำคัญสภาพแวดล้อมของครอบครัวและชุมชน ยิ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้เขามีความคิดเช่นนี้ และผมก็คิดว่า ที่ผ่านมา ผมก็เป็นส่วนหนึ่งที่คงจะสอนลูกไม่ถูกเช่นกัน
สรุปได้ว่า "การให้เงินมา แล้วกาเบอร์อื่น" มันจะถูกหรือผิด ไม่มีใครตอบได้ มันขึ้นอยู่กับทัศนะและมุมมองของแต่ละคน
เขียนโดย ชาติชาย คเชนชล 25 ก.ย.2553
อ่านเพิ่มเติม : เลือกนายกฯและ สท.เมืองราชบุรีอย่างไรให้เมืองราชบุรีเจริญ
หลังที่ถกเถียงกันพอสมควร ผมก็มีข้อสังเกตอยู่ว่า ความคิดของคนรุ่นใหม่อย่างลูกสาว (ม.6-โรงเรียนชื่อดัง ยังไม่มีสิทธิเลือกตั้ง) และลูกชายของผม (ปี 2-มหาวิทยาลัยชื่อดัง เพิ่งมีสิทธิ์เลือกตั้งครั้งแรก) ยังมีความเห็นว่า ให้เงินมาก็รับไว้ก่อน แต่จะเลือกหรือไม่เป็นคนละเรื่องกัน นั้น
หากความคิดของคนรุ่นใหม่เป็นอย่างนี้ น่าจะสะท้อนให้เห็นกระแสสังคมไทยในปัจจุบันได้ดี รวมทั้งสะท้อนถึงการจัดการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนของเราว่า เราสอนให้เด็กมีความซื่อสัตย์ สุจริต มีคุณธรรมจริยธรรม และรักประชาธิปไตย จริงตามที่กล่าวไว้หรือไม่ และที่สำคัญสภาพแวดล้อมของครอบครัวและชุมชน ยิ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้เขามีความคิดเช่นนี้ และผมก็คิดว่า ที่ผ่านมา ผมก็เป็นส่วนหนึ่งที่คงจะสอนลูกไม่ถูกเช่นกัน
สรุปได้ว่า "การให้เงินมา แล้วกาเบอร์อื่น" มันจะถูกหรือผิด ไม่มีใครตอบได้ มันขึ้นอยู่กับทัศนะและมุมมองของแต่ละคน
เขียนโดย ชาติชาย คเชนชล 25 ก.ย.2553
อ่านเพิ่มเติม : เลือกนายกฯและ สท.เมืองราชบุรีอย่างไรให้เมืองราชบุรีเจริญ