พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ท่านใหม่ ให้สัมภาษณ์สื่อมวล เมื่อ 30 ม.ค.2555 ก่อนประชุมสภากลาโหมเป็นครั้งแรก มีอยู่หลายตอน ที่อ่านดูแล้วไม่ค่อยสบายใจ
".......ทหารต้องพึ่งการเมือง ถ้าไม่พึ่งการเมืองถามว่างบประมาณจะมาจากไหน ฉะนั้นอย่าพยายามแยกออกจากกัน ตามที่คนเก่าได้พูดมาว่า "อย่าไปยุ่งกับการเมือง" คงเฉพาะในเรื่องของโยกย้ายเท่านั้นเอง แต่ไม่ใช่การแยกกันในเรื่องการเมืองการทหาร ........ส่วนขอบเขตในความสัมพันธ์นั้น คงไม่มีขอบเขตที่ชัดเจนว่าต้องแค่นี้แค่นั้น สิ่งไหนที่ควรจะยุ่งหรือสิ่งไหนไม่ควรจะยุ่งก็ว่าไป......แต่นโยบายก็ต้องมาจากรัฐบาล หากรัฐบาลไหนที่มาอย่างถูกต้อง กองทัพต้องหนุนเพราะเป็นหน้าที่ ......ต้องเป็นลูกน้องของรัฐบาล"
ต้องพึ่งการเมืองถึงจะได้งบประมาณ
คำพูดแบบนี้ แสดงให้เห็นว่าท่านโคลนนิ่งความคิดมาจาก นช.ทักษิณ ชินวัตร เพื่อร่วมรุ่นของท่านเลย คือ เงินสามารถจ้างผีโม่แป้งได้ หากอยากได้เงินต้องเชลียร์กรู สยบกรู อยู่ข้างกรู และทำงานตามที่กรูสั่งเท่านั้น จริงอยู่กองทัพอยากได้งบประมาณเพื่อจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ใหม่ๆ ที่มีความทันสมัยและสมรรถนะสูง เพื่อกองทัพจะได้เข้มแข็ง รัฐบาลสามารถใช้เป็นพลังอำนาจในการต่อรองเจรจาความเมืองได้ อีกทั้งใช้เพื่อปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติได้อีกเช่นกัน ท่านลองดูกองทัพของอเมริกา จีน รัสเซีย อิหร่าน เกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น มาเลเซีย และสิงคโปร์ เป็นตัวอย่างเอาละกันว่า ทำไมเขาต้องสร้างกองทัพของเขาให้เข้มแข็ง และตอนนี้ ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าอำนาจกำลังรบของเรา จะยังคงเหนือกว่าประเทศกัมพูชา พม่า และเวียดนาม อยู่หรือไม่
เมื่อก่อนเขามีแค่ดาบ แต่เรามีปืนแก๊บ
แต่วันนี้เขามีปืนกลแล้ว เราก็ยังคงใช้ปืนแก๊บอยู่เช่นเดิม
หากทะเลาะกันจริงๆ คงไม่ต้องพูดว่าใครจะเป็นฝ่ายแพ้ และใครจะเป็นฝ่ายชนะ
รัฐบาลต้องมีหน้าที่ส่งเสริมสนับสนุนให้กองทัพมีความเข้มแข็ง ไม่ใช่กองทัพจะต้องไปเชลียร์และแบมือขอเงิน หวังว่าท่านคงไม่ลืมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 77 ที่กล่าวว่า "......รัฐต้องจัดให้มีกําลังทหาร อาวุธยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย จําเป็น และเพียงพอ เพื่อพิทักษ์รักษาเอกราช อธิปไตย ความมั่นคงของรัฐ สถาบันพระมหากษัตริย์ ผลประโยชน์แห่งชาติ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเพื่อการพัฒนาประเทศ"
แต่หากรัฐบาลคิดว่ามีแค่ปืนแก๊บอย่างเดิม เพียงพออยู่แล้ว....ก็ตามใจ
เพราะทหารอาชีพเขาจะทำตามหลักการ โรงเรียนแต่ละเหล่าทัพไม่ได้สอนมาให้เชลียร์นักการเมือง
หากรัฐบาลชั่ว...กองทัพต้องทำตามด้วยหรือ
ใคร ๆ ก็รู้ว่ารัฐบาลนี้กำลังจะปล้นประเทศไทย เปลี่ยนแปลงการปกครอง ล้มล้างสถาบันกษัตริย์ อย่างนี้แล้วกองทัพจะต้องทำตามรัฐบาลด้วยหรือ กองทัพไทยนี้มีรากเหง้ามาจากพระมหากษัตริย์ กองทัพไทย คือ กองทัพของพระเจ้าแผ่นดิน อยู่คู่ชาติ คู่ราชบัลลังก์ คู่บ้าน คู่เมืองมาแสนนาน ตั้งแต่ยังไม่มีระบอบประชาธิปไตยเกิดขึ้นด้วยซ้ำไป กองทัพไทยจึงไม่ใช่กองทัพของนักการเมือง การบอกว่า "กองทัพต้องเป็นลูกน้องของรัฐบาล" ผมว่า ท่านคิดผิดแล้ว รัฐบาลดีดี..ยังพอยอมรับได้ แต่รัฐบาลชั่วชั่ว ถึงแม้ว่าจะมาอย่างถูกต้อง..กองทัพก็คงยอมรับไม่ได้
หากรัฐบาลชั่ว...กองทัพต้องทำตามด้วยหรือ
ใคร ๆ ก็รู้ว่ารัฐบาลนี้กำลังจะปล้นประเทศไทย เปลี่ยนแปลงการปกครอง ล้มล้างสถาบันกษัตริย์ อย่างนี้แล้วกองทัพจะต้องทำตามรัฐบาลด้วยหรือ กองทัพไทยนี้มีรากเหง้ามาจากพระมหากษัตริย์ กองทัพไทย คือ กองทัพของพระเจ้าแผ่นดิน อยู่คู่ชาติ คู่ราชบัลลังก์ คู่บ้าน คู่เมืองมาแสนนาน ตั้งแต่ยังไม่มีระบอบประชาธิปไตยเกิดขึ้นด้วยซ้ำไป กองทัพไทยจึงไม่ใช่กองทัพของนักการเมือง การบอกว่า "กองทัพต้องเป็นลูกน้องของรัฐบาล" ผมว่า ท่านคิดผิดแล้ว รัฐบาลดีดี..ยังพอยอมรับได้ แต่รัฐบาลชั่วชั่ว ถึงแม้ว่าจะมาอย่างถูกต้อง..กองทัพก็คงยอมรับไม่ได้
มาตรา 10 พระมหากษัตริย์ทรงดํารงตําแหน่งจอมทัพไทย
หากจอมทัพไทยกำลังจะถูกล้มล้าง กองทัพคงต้องปกป้องและรักษาพระองค์ท่านไว้จนสุดชีวิต รมว.กลาโหม ท่านก็เคยเป็นทหาร แต่ตอนนี้ท่านกำลังคิดจะทำอะไร ได้โปรด...อย่า...แม้แต่จะคิด หรือท่านกลายพันธุ์เป็นนักการเมืองไปแล้ว หากท่านยังคงมีความพยายามจะแก้ไขหรือผลักดันเรื่อง "การแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารระดับสูงของกองทัพ ต้องให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ" นั่นคือ การทำลายสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ โดยทางอ้อม และท่านก็คือ ผู้ที่สมรู้ร่วมคิดในการทำลายครั้งนี้
เมื่อใดที่กองทัพอยู่ในมือนักการเมือง....พระองค์ท่านจะทรงอยู่ในอันตราย.....
แค่ประชาชนตาดำๆ ที่รักในหลวงอย่างพวกเรา...
คงไม่สามารถจะสู้รบปรบมือกับพวกมันได้เพียงลำพัง....
แค่ประชาชนตาดำๆ ที่รักในหลวงอย่างพวกเรา...
คงไม่สามารถจะสู้รบปรบมือกับพวกมันได้เพียงลำพัง....
**********************
จุฑาคเชน : 31 ม.ค.2555
ตีพิมพ์ใน น.ส.พ.สู่ชนบท ปีที่ 23 ฉบับที่ 393 ประจำเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2555 หน้า 3