เมื่อวันพฤหัสบีดีที่ 3 ก.ค.2557 ผมได้ไปร่วมพิธีพระราชทานปริญญาบัตรบุตรชายของผมที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนที่จะถึงการทอดสดพิธีพระราชทานปริญญาบัตรทางโทรทัศน์วงจรปิดภายในจุฬาฯ นิสิตคณะนิเทศน์ศาสตร์ได้จัดสกูปพิเศษ ตอนหนึ่งเตือนสติไว้ว่า
วันรับปริญญา ไม่ใช่ "ตอนจบ"
ชีวิตที่รออยู่ข้างหน้า คือ "ตอนต่อไป"
ผมรู้สึกกินใจกับข้อความนี้มาก
ในวันนั้นผมเห็นนิสิตที่จบการศึกษาทุกคนล้วนมีความสุข ทั้งพ่อแม่ญาติพี่น้องต่างปลื้มปิติ ดวงตาและรอยยิ้มเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจต่อบุตรหลานของตนเอง บรรดาเพื่อนๆ ของแต่ละคนต่างมาร่วมแสดงความยินดีกันมากมาย บรรยากาศมีแต่รอยยิ้ม การมอบของขวัญ การถ่ายรูป การโพสต์ท่าทางต่างๆ ตามสมัย Social Media ช่อดอกไม้ ตุ๊กตา ของที่ระลึก มีขายอยู่เต็มไปหมด พวกจบปริญญาตรี ดูเหมือนจะมีความสุขมากที่สุด เพราะถือเป็นความสำเร็จครั้งแรก ส่วนพวกจบปริญญาโทไม่ค่อยมีเพื่อนมาแสดงความยินดีมากเท่าใดนัก ส่วนปริญญาเอกแทบไม่ค่อยเห็นเลย.....
ในวันนั้นผมเห็นนิสิตที่จบการศึกษาทุกคนล้วนมีความสุข ทั้งพ่อแม่ญาติพี่น้องต่างปลื้มปิติ ดวงตาและรอยยิ้มเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจต่อบุตรหลานของตนเอง บรรดาเพื่อนๆ ของแต่ละคนต่างมาร่วมแสดงความยินดีกันมากมาย บรรยากาศมีแต่รอยยิ้ม การมอบของขวัญ การถ่ายรูป การโพสต์ท่าทางต่างๆ ตามสมัย Social Media ช่อดอกไม้ ตุ๊กตา ของที่ระลึก มีขายอยู่เต็มไปหมด พวกจบปริญญาตรี ดูเหมือนจะมีความสุขมากที่สุด เพราะถือเป็นความสำเร็จครั้งแรก ส่วนพวกจบปริญญาโทไม่ค่อยมีเพื่อนมาแสดงความยินดีมากเท่าใดนัก ส่วนปริญญาเอกแทบไม่ค่อยเห็นเลย.....
ผม ภรรยา และบุตรสาวก็ไปร่วมแสดงความยินดีกับบุตรชายเหมือนกับหลายๆ ครอบครัว ถ่ายรูปกันจนสิ้นแสงตะวัน พอเริ่มประมาณหนึ่งทุ่มบรรยากาศภายในจุฬาลงกรณ์ฯ ก็เริ่มคืนสู่ความเหงียบเหงา
ผมย้อนนึกถึงคำกล่าวข้างต้น หลังค่ำคืนนี้ไปแล้ว พอรุ่งสาง มันคงจะเป็น "ตอนต่อไป" ของชีวิตนิสิตเหล่านี้รวมทั้งลูกชายของผมด้วย ชีวิตการเป็นนิสิต นักศึกษา แทบไม่ต้องรับภาระอะไรมากมาย เพียงแค่เรียนหนังสือ ทำกิจกรรม แต่หลังจากรับปริญญาแล้ว ทุกอย่างคงเปลี่ยนไป
การทำกิจกรรม เปลี่ยนเป็น "การทำมาหากิน"
ปริญญาบัตร...เป็นเหมือนสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่า เรามีวิชาความรู้เพียงพอที่จะสามารถนำพาตนเองให้มีชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างเป็นสุขตามสถานะ แต่หลายครั้ง หลายหน ที่ผมเห็นบัณฑิต ต้องกลายเป็นคนว่างงาน คนตกงาน คนรองาน และคนเลือกงาน
จริงอย่างที่ว่า "ชีวิตจริงที่รออยู่ข้างหน้า คือ ตอนต่อไป" ต่างหาก
ชีวิตจริงไม่มีอาจารย์ มีแต่คำว่า "เจ้านาย" กับ "ผู้บังคับบัญชา"
เพื่อนนิสิต นักศึกษา กลายเป็นอดีต มีแต่คำว่า "เพื่อนร่วมงาน" เข้ามาแทน
ค่าเช่าหอพัก กลับกลายเป็น "ค่าเช่าบ้าน"
ค่าขนมที่เคยแบมือขอจากพ่อแม่ กลายเป็นสิ่งเราไม่อยากได้อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม ผมขอเป็นกำลังใจให้บัณฑิตที่จบการศึกษาทุกคน ทุกมหาวิทยาลัย ในวิชาความรู้ที่ได้ศึกษาเล่าเรียนมา จงใช้วิชาความรู้เหล่านั้นหาเลี้ยงชีวิตของตนเองให้ได้ หลังจากนั้นจึงค่อยคิดไปเลี้ยงผู้อื่น อย่าให้ใครดูถูกเราได้ว่า "ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด"
***********************
ชาติชาย คเชนชล : 9 ก.ค.2557
ปริญญาบัตร...เป็นเหมือนสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่า เรามีวิชาความรู้เพียงพอที่จะสามารถนำพาตนเองให้มีชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างเป็นสุขตามสถานะ แต่หลายครั้ง หลายหน ที่ผมเห็นบัณฑิต ต้องกลายเป็นคนว่างงาน คนตกงาน คนรองาน และคนเลือกงาน
จริงอย่างที่ว่า "ชีวิตจริงที่รออยู่ข้างหน้า คือ ตอนต่อไป" ต่างหาก
ชีวิตจริงไม่มีอาจารย์ มีแต่คำว่า "เจ้านาย" กับ "ผู้บังคับบัญชา"
เพื่อนนิสิต นักศึกษา กลายเป็นอดีต มีแต่คำว่า "เพื่อนร่วมงาน" เข้ามาแทน
ค่าเช่าหอพัก กลับกลายเป็น "ค่าเช่าบ้าน"
ค่าขนมที่เคยแบมือขอจากพ่อแม่ กลายเป็นสิ่งเราไม่อยากได้อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม ผมขอเป็นกำลังใจให้บัณฑิตที่จบการศึกษาทุกคน ทุกมหาวิทยาลัย ในวิชาความรู้ที่ได้ศึกษาเล่าเรียนมา จงใช้วิชาความรู้เหล่านั้นหาเลี้ยงชีวิตของตนเองให้ได้ หลังจากนั้นจึงค่อยคิดไปเลี้ยงผู้อื่น อย่าให้ใครดูถูกเราได้ว่า "ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด"
***********************
ชาติชาย คเชนชล : 9 ก.ค.2557