หยุดใส่ร้ายพระองค์ (ตอนจบ)

ต่อจาก หยุดใส่ร้ายพระองค์ (ตอนที่ 2)
*********************************************

ผู้เขียนได้เขียนไว้ในช่วงท้ายของตอนที่ 1 ว่า หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศไทยมีการแบ่งกลุ่มอำนาจต่างๆ ดังนี้

1. กลุ่มจอมพล ป.พิบูลสงคราม (ที่สูญเสียอำนาจไป)
2. กลุ่มนายปรีดี พนมยงค์ (ที่กำลังมีอำนาจ)
3. กลุ่มราชวงศ์หัวก้าวหน้า (ส่วนใหญ่เรียนจบจากต่างประเทศ) ที่ต้องการเข้ามาบริหารประเทศผ่านการเล่นการเมือง
4. กลุ่มราชวงศ์หัวเก่า ที่ต้องการอำนาจกลับคืน
5. กลุ่มราชวงศ์ที่ต้องการทวงคืนความชอบธรรมในราชบัลลังก์

ข้อเท็จจริงและคำถามบางประการที่ควรทบทวน

กรณีรัชกาลที่ 8 ถูกลอบปลงพระชนม์ด้วยพระแสงปืนนี้ ผ่านมาแล้ว 65 ปี ตอนเกิดเหตุผู้เขียนยังไม่เกิดด้วยซ้ำไป ถึงแม้คดีจะถูกตัดสินไปแล้วก็แค่ประหารชีวิตจำเลยเล็กๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ 3 คน แต่ก็ไม่สามารถสาวไปถึงผู้บงการครั้งนี้ได้   ใครที่ได้ผลประโยชน์จากการสวรรคตของรัชกาลที่ 8  ผู้เขียนพยายามอ่านบทความ เอกสาร การบันทึกต่างๆ เกี่ยวกับคดี  มีข้อเท็จจริงและคำถามบางประการที่ผู้เขียนติดค้างไว้ในใจ หลายประเด็น เช่น 

• ใครเป็นคนวางยาพิษ? ก่อนเกิดเหตุการณ์ 2 เดือน นายฉันท์ หุ้มแพร (นายทัศน์ สุจริตกุล) มหาดเล็กผู้จงรักภักดีที่คอยรับใช้ครอบครัวมหิดล ถูกวางยาพิษเสียชีวิต ซึ่งนายฉันท์ฯ นี้เป็นผู้ถวายปืน (กระบอกที่วางอยู่ข้างพระศพในวันเกิดเหตุ) ให้รัชกาลที่ 8 ทรงใช้ และเตือนให้ทรงระวังพระองค์ด้วย 
• รัชกาลที่ 8  ยังไม่ได้แต่งตั้งองค์รัชทายาท หากท่านสวรรคต ใครจะสืบราชบัลลังก์ต่อ ตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พุทธศักราช 2467 อาจไม่ใช่เจ้าฟ้าภูมิพล (รัชกาลปัจจุบัน) ก็ได้ หรือหลังจากรัชกาลที่ 8 สิ้นพระชนม์อาจจะไม่มีกษัตริย์องค์ต่อไปก็ได้
• ทำไม สำนักพระราชวังรีบแถลงการณ์ออกมาในวันเดียวกันว่า รัชกาลที่ 8 "...คงจะทรงจับคลำพระแสงปืนตามพระราชอัธยาศัยที่ทรงชอบและเกิดอุปัทวเหตุขึ้น.."  การแถลงการณ์นี้ นายปรีดีฯ รู้เห็นเป็นใจ แต่เหตุที่ต้องแถลงเช่นนี้ อาจเป็นเพื่อการป้องกันไม่ให้เกิดการจราจลขึ้นในประเทศไทย จนมีมือที่สามฉวยโอกาสเข้ามาแทรกแซงและยึดอำนาจ
• นายปรีดี พนมยงค์ หากประสงค์จะล้มล้างระบอบกษัตริย์แล้ว มีโอกาสทำได้มานานแล้วตั้งแต่สมัยครั้งเป็นผู้สำเร็จราชการ แต่ในค่ำวันเกิดเหตุนั้น นายปรีดีฯ กลับรีบเรียกประชุมรัฐสภาด่วน และลงมติแต่งตั้งเจ้าฟ้าภูมิพล เป็นผู้สืบราชบัลลังก์เป็นรัชกาลที่ 9 ต่อจากพระเชษฐา  หลังจากนั้นนายปรีดีฯ ก็ลาออกจากนายกรัฐมนตรีเพื่อแสดงความรับผิดชอบ นายปรีดีฯ กำลังกลัวอะไร หรือนายปรีดีฯ กำลังกลัวกลุ่มอำนาจมืดจะมายึดอำนาจและเปลี่ยนแปลงการปกครอง รวมทั้งล้มล้างสถาบันกษัตริย์        
• ทำไมสภา ยังมอบความไว้วางใจ เชิญ นายปรีดี พนมยงค์ กลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 11 มิ.ย.2498 อีกครั้ง (หลังจากเกิดเหตุการณ์และลาออกไปแล้วเพียง 3 วัน) แสดงว่า สภาคงรู้สึกเคลือบแคลงต่อกลุ่มอำนาจอื่นๆ ที่มีอยู่ และเชื่อมั่นกลุ่มอำนาจของนายปรีดี พนมยงค์ 
• การสอบสวนคดีลอบปลงพระชนม์ในสมัยหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี (ต่อจากนายปรีดี) น่าจะกำลังเข้มข้น ใกล้รู้ตัวฆาตกรและผู้บงการตัวจริง แต่ในวันที่ 8 พ.ย.2490 กลับถูกรัฐประหารยึดอำนาจ โดย พล.ท.ผิณ ชุณหะวัณ และพวก หลังจากนั้นกลุ่มรัฐประหารนี้ได้เชิญนายควง  อภัยวงศ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มาเป็นนายกรัฐมนตรี
• หลังรัฐประหารเพียง 12 วัน นายควง อภัยวงศ์ นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนคดีลอบปลงพระชนม์รัชกาลที่ 8 ใหม่ โดยมอบหมายให้     พล.ต.ต. พระพินิจชนคดี พี่เขยของ ม.ร.ว.เสนีย์ และ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช แห่งพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งออกจากราชการรับบำนาญไปแล้วนั้น กลับเข้ารับราชการทำหน้าที่สืบสวนกรณีสวรรคตเสียใหม่ อันนำไปสู่การจับกุมนาย เฉลียว ปทุมรส อดีตราชเลขานุการในพระองค์ นายชิต สิงหเสนี และนายบุศย์ ปัทมศริน สองมหาดเล็กหน้าห้องบรรทม  เหตุการณ์นี้แสดงว่าที่นายปรีดี และหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ สอบสวนคดีมาอย่างต่อเนื่องล้มเหลวทั้งหมด พอคณะกรรมการชุดใหม่นี้ขึ้นมาสอบสวนจับผู้ต้องหาได้ทันที 
• ทำไม? กลุ่มนายทหารที่ทำการรัฐประหาร บีบบังคับให้นายควง อภัยวงศ์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แล้วเชิญจอมพล ป พิบูลสงคราม กลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แทนอีกครั้ง หรือว่าการสอบสวนคดี ของนายควง  อภัยวงศ์ กำลังจะสาวไปถึงผู้บงการ 
• ทำไม? นายปรีดี พนมยงค์ แอบเข้ามาในประเทศไทยเพื่อยึดอำนาจคืนจาก จอมพล ป พิบูลสงคราม แต่ไม่สำเร็จ เลยถูกเรียกว่า "กบฏวังหลวง" นายปรีดีฯ กำลังกลัวอะไรในอำนาจที่ จอมพล ป. มีอยู่ในช่วงหลังนี้
• หลังจากประหารชีวิต 3 จำเลยไปแล้ว ต่อมา จอมพล ป.พิบูลสงคราม มีแนวคิดจะรื้อฟื้นคดีใหม่อ้างว่ามีหลักฐานใหม่ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้ 3 จำเลยที่เสียชีวิต รวมทั้งนายปรีดี และเรือเอกวัชรชัย ที่ถูกกล่าวหา แต่ยังไม่ทันได้ดำเนินการ จอมพล ป.กลับถูกรัฐประหารเสียก่อน โดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์ จนต้องหลบหนีออกนอกประเทศ
• ทำไม? หลังจากพิพากษาคดีไปแล้ว 24 ปี ในปี พ.ศ.2522 นายตี๋ ศรีสุวรรณ พยานฝ่ายโจทย์ในสมัยนั้น มีหนังสือมาถึงนายปรีดีฯ เพื่อขอขมา และสารภาพว่าตนเองเป็นพยานเท็จโดยการว่าจ้างของ พล.ต.ต. พระพินิจชนคดี (สมัยการสอบสวนของนายควง  อภัยวงศ์)
• แม้กระทั่งถึงวาระสุดท้ายในชีวิต นายปรีดี พนมยงค์ ก็ยังไม่ยอมพูดถึงเรื่อง "กรณีการลอบปลงพระชนม์รัชกาลที่ 8" เลย...อาจเพราะการสอบสวนของท่าน และหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อยู่นั้นกำลังสาวถึงตัวผู้บงการ  แต่กลับถูกรัฐประหารเสียก่อน เหตุที่ท่านไม่ยอมพูดเรื่องนี้ ความเห็นของผู้เขียนคิดว่า "ท่านกำลังจะรู้ แต่ยังรู้ไม่ชัดและยังไม่สามารถอธิบายได้"  ดังนั้นหากพูดไปก็จะเป็นการปรักปรำคนโดยไม่มีหลักฐาน นั่นเอง  ท่านได้แต่ฝากให้คนรุ่นหลังและประวัติศาสตร์ช่วยตอบแทนท่านด้วย     

คณะราษฎร ที่ยึดอำนาจและเปลี่ยนแปลงการปกครอง
24 มิ.ย.2475

ข้อเท็จจริงและคำถามบางประการที่กล่าวมา  เป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นว่า เหตุการณ์ในสมัยนั้น พยายามดึงพระมหากษัตริย์เข้ามายุ่งเกี่ยวและเป็นเครื่องมือทางการเมือง  แต่เนื้อแท้แล้ว มันเป็นการแย่งชิงอำนาจ และความมักใหญ่ใฝ่สูงในพวกเดียวกันเองต่างหาก คือ เหล่าพวกบรรดาคณะราษฎร พ.ศ.2475 ที่ร่วมก่อการยึดอำนาจมาจากพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 7 ในสมัยก่อนนั่นเอง

การปลงพระชนม์รัชกาลที่ 8 เพื่อต้องการใช้เป็นชนวนในการใส่ร้าย ป้ายสี และเป็นข้ออ้างในการกำจัดศัตรูโดยชอบธรรม   และยังสามารถใช้โจมตีสถาบันกษตริย์ ให้ประชาชนเกิดความเสื่อมศรัทธา ลดความน่าเคารพนับถือลง  เหตุเพราะบรรดาราชวงศ์มีการเข่นฆ่ากันเองเพื่อแย่งชิงราชสมบัติ และยังสามารถใช้ทำลายความเคารพศรัทธาที่มีต่อพระมหากษัตริย์ในรัชกาลถัดมา (รัชกาลที่ 9) อีกด้วย เป็นเหตุในการชักจูงประชาชนให้ช่วยกันล้มล้างสถาบันกษัตริย์ได้ง่ายขึ้น

เมื่อ 65 ปี ก่อนมีคนพยายามใส่ร้ายพระองค์ฯ  พยายามทำให้พระองค์มีมลทิน พยายามนำพระองค์มายุ่งเกี่ยวกับการเมือง   จนถึงวันนี้ก็ยังมีคนพยายามทำเช่นนั้นอยู่  ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคน ที่ต้องช่วยกันปกป้องอย่าให้ใครมาดูหมิ่นพระเกียรติในหลวงของเรา  อย่าให้ใครคิดมาล้มล้างสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ของเรา   

ผู้เขียนขออนุญาตจบบทความนี้ด้วยบันทึกบางตอนของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ที่กล่าวไว้ว่า
   
“....ไอ้ อี มันผู้ใดคิดบังอาจทำลายแผ่นดิน
ทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

ฤา กระทำการทุจริต ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อส่วนรวม
จงหยุดการกระทำนั้นเสียโดยเร็ว
ก่อนที่กูจะสั่งทหารผลาญสิ้นทั้งโคตร
ให้หมดเสนียดของแผ่นดินสยาม อันเป็นที่รักของกู..."

 
*****************************************
จุฑาคเชน : 2 ธ.ค.2554