วันเสาร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2550

ความภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ในใจของผม



วันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันที่พวกเราคนไทยทุกคนล้วนจดจำได้ดี คือ วันเฉลิมพระชนมพรรษาฯ ในหลวงของเรา แต่ในปี พ.ศ.2550 นี้ถือเป็นปีพิเศษ ที่ในหลวงของเราทรงเจริญพระชนพรรษาครบ 80 พรรษา ซึ่งพวกเราคนไทยทั้งชาติ ต่างช่วยกันจัดงาน จัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อเฉลิมฉลอง เฉลิมพระเกียรติ และถวายเป็นพระราชกุศลอย่างยิ่งใหญ่เป็นกรณีพิเศษ...มาตลอดทั้งปี...

วันที่ 5 ธันวาคม ปีนี้ ตรงกับวันพุธ ผมและครอบครัว ตัดสินใจที่จะไปร่วมพิธีถวายราชสักการะและจุดเทียนชัยถวายพระพรที่ท้องสนามหลวง กรุงเทพฯ ซึ่งผมจำได้ว่า ผมได้เข้าร่วมพิธีอันยิ่งใหญ่ที่ท้องสนามหลวงครั้งสุดท้ายเมื่อ 24 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ.2526) ตอนศึกษาปีสุดท้ายอยู่ในกรุงเทพฯ...



ผมเริ่มออกเดินทางตอนสายๆ พร้อมกับภรรยาและลูกสาว แวะไปรับลูกชายที่เลิกจากเรียนพิเศษในกรุงเทพฯ แล้วเดินทางไปยัง Impact เมืองทองธานี เพื่อชมนิทรรศการในหลวงของเรา ที่ Hall 9 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการจัดแสดง พวกเราทั้งหมดรู้สึกปลาบปลื้มและภาคภูมิใจมากเมื่อได้ชมนิทรรศการต่างๆ โดยเฉพาะในส่วน 8 ทศวรรษ ที่จัดแสดงเป็นตอนๆ ละ 10 ปี..เดินชมนิทรรศการอยู่นาน ระหว่างเดินชม บางช่วงบางเวลา หน่วยงานต่างๆ ก็จัดให้มีการร่วมกิจกรรมแล้วแจกหนังสือ แจกของที่ระลึกเกี่ยวกับพระองค์ท่าน พวกเราก็รุมกันเข้าไปร่วมทำกิจกรรม เข้าคิว เข้าแถว ตอบคำถาม หวังจะได้รับของแจก เพื่อที่จะนำมาเผยแพร่กันต่อๆ ไป....ซึ่งก็ได้หนังสือดี หายาก เกี่ยวกับในหลวงของเรา มาแจกเพื่อนฝูง จำนวนมากอยู่..

เวลา 17 นาฬิกากว่าๆ พวกเรารีบขับรถออกเดินทางมาจาก Impact ขึ้นทางด่วนเพื่อมาลงแถวยมราช เข้าสู่ถนนราชดำเนิน และตรงไปยังท้องสนามหลวงเพื่อตั้งใจร่วมพิธีถวายราชสักการะและจุดเทียนชัยถวายพระพร เมื่อเริ่มผ่านทำเนียบรัฐบาลเข้าสู่ลานพระบรมรูปทรงม้า ผ่านถนนราชดำเนิน เด็กๆ รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับไฟ แสงสี ที่ประดับตามต้นไม้ หน้าอาคารสองข้างถนน และซุ้มเฉลิมพระเกียรติที่เรียงรายอยู่เป็นระยะ ซึ่งผมก็รู้สึกมีความรู้สึกตามเด็กๆ ไปด้วย ย้อนไปเมื่อ 24 ปีที่แล้ว ที่ผมคิดว่าสวยแล้ว แต่มาวันนี้ รู้สึกสวยมากกว่านัก..





พวกเราขับรถไปเรื่อยๆ ตอนนั้นยังไม่ปิดถนน ผู้คนใส่เสื้อเหลืองมากมายนั่งรออยู่บริเวณสองข้างทาง เพื่อรอรับเสด็จในหลวงเสด็จกลับวังสวนจิตรลดา หลังจากเสร็จสิ้นพิธีในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม...ผมรู้สึกขนลุกทันทีที่เห็นผู้คนมากมายเหล่านี้ ทุกคนพร้อมใจกันใส่เสื้อเหลือง มือถือธงตราสัญลักษณ์ 80 พรรษาและธงชาติไทย รอรับเสด็จ..สอบถามได้ความว่าบางคนมาจองที่นั่งริมถนนเพื่อรอรับเสด็จตั้งแต่ตอนเช้าแล้ว....

รถของพวกเราวิ่งมาเรื่อยเรื่อย และมาติดแบบนิ่งสนิทจริงๆ ตอนก่อนถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย...เวลาประมาณ 18.00 น. กว่าๆ ขยับไปไหนไม่ได้เลย ผู้คนเดินเท้าใส่เสื้อเหลือง ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ต่างเดินทางมุ่งหน้าไปยังมณฑลพิธีท้องสนามหลวง บ้างก็แวะถ่ายรูปความสวยงามต่างๆ เป็นระยะๆ มีทั้งใช้กล้องจากโทรศัพท์มือถือ กล้องดิจิตอล และกล้องวีดีโอ แตกต่างกันไป

เวลาหนึ่งทุ่มกว่าๆ ตำรวจเริ่มเคลียร์รถ ถนนฝั่งตรงข้ามเพื่อเปิดเส้นทางขบวนเสด็จของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และพระราชวงศ์ ผู้คนใส่เสื้อเหลืองเริ่มล้นหลามมากยิ่งขึ้นนั่งอยู่สองข้างทางตั้งแต่บริเวณท้องสนามหลวงเรื่อยไปจนถึงพระราชวังสวนจิตรลดา รถฝั่งที่เราจอดอยู่นิ่งสนิทหลายคันดับเครื่องไปแล้ว รวมทั้งรถของผมด้วย ภรรยาและเด็กๆ เริ่มลงจากรถไปเดินถ่ายรูปกัน



ไม่นานนักกะเวลาได้ประมาณหนึ่งทุ่มๆ กว่า ขบวนเสด็จเริ่มเสด็จ พวกเราทั้งหมดจึงถือว่าโชคดีเป็นอย่างมาก ที่ได้มีโอกาสยืนรับเสด็จพระองค์ท่านด้วย รถขบวนวิ่งช้าๆ ไฟภายในรถเปิด เพื่อให้ประชาชนทั้งสองข้างทางได้ชื่นชมพระบารมี เมื่อขบวนเสด็จผ่าน ณ ที่แห่งได้ก็ได้ยินเสียงประชาชนสองข้างทางตะโกนขึ้นอย่างพร้อมเพรียงว่า “ทรงพระเจริญ” ซึ่งรวมทั้งผมและครอบครัวก็ร่วมตะโกนด้วย เป็นอย่างนี้ไปตลอดเส้นทาง ผมรู้สึกขนลุกและน้ำตาซึม รู้สึกดีใจและภูมิใจในความจงรักภักดีที่ประชาชนคนไทยมีต่อในหลวงของเรา

ในวันนั้น ผมและครอบครัวได้ชื่นชมพระบารมี ในหลวง พระราชินี และพระบรมราชวงศ์เกือบทุกพระองค์ ถึงแม้จะเป็นแค่ชั่วเวลาที่รถวิ่งผ่าน ก็รู้สึกดีใจ ปลื้มใจ โดยเฉพาะเด็กๆ ที่ไม่เคยได้เห็นพระองค์จริง....

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ...

ไม่มีความคิดเห็น: